หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
ภาวะปวดประจำเดือน อาจทำให้รู้สึกปวด มีอาการตะคริว และรู้สึกไม่สบายตัวบ้าง ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ แต่หากเจ็บปวดมาก จนทำให้ต้องหยุดงาน หยุดเรียน ไม่สามารถทำกิจกรรมอื่นๆ ได้ ถือเป็นเรื่องที่ผิดปกติ
ภาวะปวดประจำเดือนแบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่
- ภาวะปวดประจำเดือนปฐมภูมิ (Primary Dysmenorrhea) มักเกิดขึ้นในช่วงก่อนมีประจำเดือน และระหว่างมีประจำเดือน
- ภาวะปวดประจำเดือนทุติยภูมิ (Secondary Dysmenorrhea) มักเกิดขึ้นภายหลังการมีประจำเดือนวันแรก โดยการเกิดภาวะที่มีผลต่อมดลูกหรืออวัยวะในอุ้งเชิงกราน เช่น ภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis) หรือเนื้องอกในมดลูก สามารถทำให้เกิดอาการนี้ได้
สาเหตุของภาวะปวดประจำเดือน
ยังไม่มีสาเหตุที่แน่ชัดของภาวะปวดประจำเดือน แต่ผู้หญิงที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อไปนี้ มีโอกาสที่จะเกิดภาวะปวดประจำเดือนสูง
- มีอายุต่ำกว่า 20 ปี
- บุคคลในครอบครัวเคยมีอาการปวดประจำเดือนอย่างหนัก
- สูบบุหรี่
- ประจำเดือนมามากอยู่เสมอ
- ประจำเดือนมาไม่ปกติ
- ไม่เคยตั้งครรภ์
- เข้าสู่วัยสาวตั้งแต่อายุ 11 ปี
บางกรณีอาจพบว่าภาวะปวดประจำเดือนเป็นผลมาจากความผิดปกติทางการแพทย์ เช่น
- กลุ่มอาการปวดก่อนช่วงประจำเดือน (Premenstrual syndrome: PMS) กลุ่มอาการดังกล่าวทำให้เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกายช่วง 1-2 สัปดาห์ก่อนมีประจำเดือนและค่อยๆ หายไปหลังจากประจำเดือนมาแล้ว
- ภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis) เป็นความผิดปกติที่ทำให้เซลล์จากเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญเติบโตในตำแหน่งอื่นของร่างกาย ปกติมักเกิดขึ้นที่ท่อนำไข่ รังไข่ หรืออวัยวะในอุ้งเชิงกราน
- เนื้องอกในมดลูก เนื้องอกที่ไม่ใช่มะเร็ง สามารถทำให้เกิดแรงกดบนมดลูก หรือทำให้ประจำเดือนมาผิดปกติและเกิดความเจ็บปวดได้
- โรคอุ้งเชิงกรานอักเสบ (Pelvic Inflammatory Disease: PID) การติดเชื้อของมดลูก ท่อนำไข่ หรือรังไข่ ซึ่งมักเกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ นำไปสู่การอักเสบของอวัยวะสืบพันธุ์และทำให้เกิดความเจ็บปวดขึ้น
- ภาวะเยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ (Adenomyosis) ภาวะที่เยื่อบุมดลูกเติบโตเข้าไปในผนังกล้ามเนื้อของมดลูก ทำให้เจ็บปวดจากการอักเสบและแรงกดทับ
- ปากมดลูกตีบ (Cervical Stenosis) ภาวะที่ทำให้ปากมดลูกมีขนาดเล็ก และทำให้ประจำเดือนไหลช้า ส่งผลให้แรงดันภายในมดลูกเพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้เกิดอาการปวดตามมา
เมื่อใดที่ควรไปพบแพทย์
หากอาการปวดประจำเดือนรบกวนกิจวัตรประจำวัน และมีอาการต่อไปนี้ร่วมอยู่ด้วย ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
- มีความเจ็บปวดต่อเนื่องหลังใช้ห่วงอนามัยคุมกำเนิด
- มีความเจ็บปวดอย่างรุนแรงต่อเนื่อง ทั้งก่อน ระหว่าง และหลังมีประจำเดือน
- มีลิ่มเลือดออกมาพร้อมประจำเดือน
- มีอาการปวดเกร็ง ตามมาด้วยอาการถ่ายเหลวและคลื่นไส้
- ปวดอุ้งเชิงกราน แม้ไม่ได้มีประจำเดือน
หากมีอาการปวดท้องเกร็ง ร่วมกับเป็นไข้ มีตกขาวผิดปกติ อาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อ ซึ่งถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสมอาจสร้างความเสียหายต่ออวัยวะในอุ้งเชิงกรานจนนำไปสู่ภาวะมีบุตรยาก
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
การวินิจฉัยภาวะปวดประจำเดือน
แพทย์จะซักประวัติทางการแพทย์เพื่อหาสาเหตุพื้นฐานของภาวะปวดประจำเดือน จากนั้นจึงตรวจร่างกายและอาจตรวจเพิ่มเติมเกี่ยวกับกระดูกเชิงกราน เพื่อตรวจสอบความผิดปกติใดๆ ในระบบสืบพันธุ์ และเพื่อหาสัญญาณของการติดเชื้อ
หากแพทย์ประเมินว่าอาการปวดประจำเดือน อาจเกิดจากโรคต่างๆ ก็อาจมีการตรวจเพิ่มเติม ดังนี้
- อัลตร้าซาวด์ เป็นการใช้หัวอุปกรณ์สร้างคลื่นเสียงเพื่อส่องดูโครงสร้างภายในร่างกาย
- การสแกนเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT) การถ่ายภาพรังสีเพื่อสร้างภาพภายในร่างกาย
- การสแกนเอ็มอาร์ไอ (MRI) การถ่ายภาพโดยใช้สนามแม่เหล็กและคลื่นวิทยุเพื่อสร้างภาพภายในร่างกาย
- การส่องกล้องตรวจภายใน (Laparoscopy) การเจาะแผลเล็กๆ ในช่องท้อง และค่อยๆ ใส่หลอดใยแก้วนำแสงด้วยกล้อง เพื่อดูลักษณะโครงสร้างภายในช่องท้อง
การรักษภาวะปวดประจำเดือน
ภาวะปวดประจำเดือน สามารถบรรเทาอาการด้วยตัวเองได้ ด้วยการปฏิบัติดังนร้
- ใช้แผ่นความร้อนประคบบริเวณอุ้งเชิงกรานหรือด้านหลัง
- อาบน้ำอุ่น
- ออกกำลังกายเป็นประจำ หรือเล่นโยคะ
- รับประทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ
- การเล่นโยคะ
- รับประทานยาต้านการอักเสบ เช่น ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) ก่อนถึงกำหนดประจำเดือน
- รับประทานวิตามิน B6 วิตามิน B1 วิตามิน E กรดไขมันโอเมก้า 3 แคลเซียมและแมกนีเซียมเสริม
- ลดการบริโภคเกลือ แอลกอฮอล์ คาเฟอีนและน้ำตาล เพื่อป้องกันอาการท้องอืด
หากการดูแลด้วยตนเองที่บ้านไม่สามารถบรรเทาอาการปวดประจำเดือนได้ แพทย์อาจรักษาด้วยวิธีต่อไปนี้
- ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) มีฤทธิ์แก้ปวด และลดการอักเสบ สามารถหาซื้อบางชนิดได้จากร้านขายยา
- ยาแก้ปวด ยาหลายชนิดสามารถหาซื้อได้ตามร้ายขายยาโดยไม่จำเป็นต้องมีใบสั่งยาจากแพทย์ เช่น Ibuprofen หรือ Naproxen Sodium
- ยารักษาโรคซึมเศร้า ยารักษาซึมเศร้าสามารถช่วยลดอาการอารมณ์แปรปรวนที่สัมพันธ์กับกลุ่มอาการปวดก่อนมีประจำเดือน (PMS)
- การคุมกำเนิดด้วยฮอร์โมน มีให้เลือกหลายรูปแบบ เช่น ยาเม็ด แผ่นแปะ ห่วงคุมกำเนิดในช่องคลอด การฉีด ยาฝัง ซึ่งฮอร์โมนดังกล่าวสามารถป้องกันการตกไข่ จึงช่วยควบคุมอาการปวดประจำเดือนได้
- การผ่าตัด ถูกนำมาใช้รักษาอาการเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ หรือเนื้องอกในมดลูก ในบางครั้งอาจพบการผ่าตัดมดลูกออก (Hysterectomy) ซึ่งเป็นการรักษาลำดับสุดท้าย หากการรักษาอื่นไม่ได้ผลและผู้ป่วยยังคงมีอาการปวดรุนแรง แต่ถ้าผ่าตัดมดลูกออกก็จะไม่สามารถมีลูกได้อีกต่อไป ตัวเลือกนี้มักใช้ในผู้หญิงที่ไม่ได้วางแผนว่าจะตั้งครรภ์ หรือไม่ต้องการมีบุตรอีกต่อไปแล้ว
ที่มาของข้อมูล
Janelle Martel and Erica Cirino, What Causes Painful Menstruation? (https://www.healthline.com/symptom/painful-menstruation), February 2, 2017.