ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
อาการเจ็บปวดขณะมีเพศสัมพันธ์ หมายถึงความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นบริเวณอวัยวะเพศหรือในอุ้งเชิงกรานระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ อาจรู้สึกเจ็บจี๊ดหรือรู้สึกเจ็บรุนแรงมาก โดยอาการเจ็บดังกล่าวสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งก่อน ระหว่าง หรือหลังการมีเพศสัมพันธ์
ทั้งผู้หญิงและผู้ชายสามารถเกิดอาการเจ็บปวดขณะมีเพศสัมพันธ์ได้ แต่จะพบในผู้หญิงมากกว่า โดยเฉพาะผู้หญิงที่อยู่ในช่วงวัยหมดประจำเดือน และจะยิ่งมีความเสี่ยงมากขึ้น หากรับประทานยาที่ทำให้ช่องคลอดแห้ง และติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย
อาการเจ็บปวดขณะมีเพศสัมพันธ์ เป็นอย่างไร
อาการเจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์สามารถมีลักษณะแตกต่างกันไป ดังนี้
- เจ็บในช่องคลอด
- เจ็บบริเวณท่อปัสสาวะ
- เจ็บตรงกระเพาะปัสสาวะ
- เจ็บระหว่างการสอดใส่
- เจ็บระหว่างหรือภายหลังมีเพศสัมพันธ์
- ปวดร้าวลึกลงไปในอุ้งเชิงกรานระหว่างมีเพศสัมพันธ์
- เมื่อเริ่มมีเพศสัมพันธ์ยังไม่รู้สึกเจ็บปวด แต่จะปวดมากขึ้นเรื่อยๆ ภายหลัง
- เจ็บเมื่อมีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนเฉพาะคน
- เจ็บเมื่อใช้ผ้าอนามัยแบบสอด
- เจ็บแบบปวดแสบปวดร้อน
- เจ็บๆ คันๆ คล้ายโดนมดกัด
- ปวดตุบๆ ข้างใน
- ปวดเสียดคล้ายกับปวดประจำเดือน
สาเหตุของอาการเจ็บจากเพศสัมพันธ์
ผู้หญิงบางคนอาจมีอาการเจ็บปวดจากเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากปัญหาทางกายภาพ ขณะที่บางคนอาจเจ็บปวดจากปัจจัยทางอารมณ์ ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
- สาเหตุทางกายภาพทั่วไป ได้แก่
- ภาวะช่องคลอดแห้ง ซึ่งอาจเกิดจาก ช่วงวัยหมดประจำเดือน การคลอดบุตร การให้นมบุตร การรับประทานยาบางชนิด การเร้าอารมณ์น้อยเกินไปก่อนมีเพศสัมพันธ์ เป็นต้น
- ความผิดปกติของผิวหนังที่ทำให้เกิดแผลแตก หรือคัน หรือแผลปวดแสบปวดร้อน
- การติดเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราในระบบสืบพันธุ์
- การบาดเจ็บจากการคลอดบุตร
- อุบัติเหตุ
- การผ่าตัดมดลูกหรือการผ่าตัดเกี่ยวกับกระดูกเชิงกราน
- อาการปวดเรื้อรังบริเวณปากช่องคลอด (Vulvodynia)
- ช่องคลอดอักเสบ (Vaginitis)
- ภาวะช่องคลอดหดเกร็ง (Vaginismus)
- เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis)
- โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ (Cystitis)
- โรคอุ้งเชิงกรานอักเสบ (Pelvic inflammatory disease (PID))
- เนื้องอกในมดลูก
- โรคลำไส้แปรปรวน (IBS)
- การได้รับรังสีรักษา หรือเคมีบำบัด
- สาเหตุจากปัจจัยทางอารมณ์ ได้แก่
- ความเครียด ความกังวลซึ่งอาจส่งผลให้กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานหดเกร็ง
- ความอับอายเกี่ยวกับเรื่องเพศ
- ปัญหาเรื่องความมั่นใจในรูปร่างและหน้าตา
- การใช้ยาบางชนิด เช่น ยาคุมกำเนิด
- ปัญหาความสัมพันธ์
- ความผิดปกติทางการแพทย์ต่างๆ เช่น โรคมะเร็ง โรคข้ออักเสบ โรคเบาหวาน โรคของต่อมไทรอยด์
- เคยโดนล่วงละเมิดทางเพศ
- ประวัติการข่มขืน
การวินิจฉัยอาการเจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์
แพทย์จะเริ่มต้นด้วยการซักประวัติทางการแพทย์และข้อมูลเรื่องเพศ จากนั้นจะตรวจดูบริเวณอุ้งเชิงกรานภายนอกและตรวจภายในเพื่อดูอาการต่างๆ เช่น
- ความแห้งของช่องคลอด
- การอักเสบ หรือการติดเชื้อ
- ปัญหาทางกายวิภาค
- หูดที่อวัยวะเพศ
- แผลเป็นต่างๆ
- ก้อนนูนผิดปกติ
- เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่
ในการตรวจภายใน แพทย์จะใช้อุปกรณ์เฉพาะเรียกว่า เครื่องมือถ่างขยายช่องคลอด (Speculum) ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการตรวจดูลักษณะช่องคลอดเช่นเดียวกับการตรวจแปปสเมียร์ (Pap Smear) เพื่อให้แพทย์สามารถใช้ก้านพันสำลีกดเบาๆ บริเวณช่องคลอด เพื่อระบุตำแหน่งของความเจ็บปวดได้แม่นยำมากขึ้น
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
นอกจากนี้แพทย์อาจพิจารณาให้ตรวจเพิ่มเติมตามอาการ เช่น การอัลตร้าซาวด์อุ้งเชิงกราน การตรวจเพาะเชื้อเพื่อตรวจสอบการติดเชื้อแบคทีเรียหรือยีสต์ การตรวจปัสสาวะ เป็นต้น
การรักษาอาการเจ็บปวดขณะมีเพศสัมพันธ์
หากมีอาการเจ็บปวดขณะมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่รุนแรงมากนัก ผู้ป่วยสามารถบรรเทาอาการเบื้องต้นได้ดังนี้
- มีเพศสัมพันธ์ตอนที่อารมณ์และจิตใจผ่อนคลาย
- พูดคุยอย่างเปิดอกกับคู่รักเกี่ยวกับความเจ็บปวดขณะมีเพศสัมพันธ์
- ปัสสาวะให้หมดก่อนมีเพศสัมพันธ์
- อาบน้ำอุ่นก่อนมีเพศสัมพันธ์
- ใช้ยาแก้ปวดที่ขายตามร้านขายยาก่อนมีเพศสัมพันธ์
- ประคบถุงน้ำแข็งบริเวณช่องคลอดเพื่อลดความปวดแสบปวดร้อนภายหลังมีเพศสัมพันธ์
- ใช้สารหล่อลื่นสูตรน้ำระหว่างการมีเพศสัมพันธ์
แต่ถ้าดูแลตัวเองแล้วยังไม่ดีขึ้น แพทย์ก็จะรักษาตามสาเหตุที่ทำให้เกิดความเจ็บปวดขณะมีเพศสัมพันธ์ หากเกิดจากการติดเชื้อหรือความผิดปกติทางการแพทย์ แพทย์อาจรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ ยาต้านเชื้อรา หรือยาสเตียรอยด์เหน็บเฉพาะที่หรือชนิดฉีด
หากอาการเจ็บปวดเกิดจากระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนต่ำลง แพทย์อาจให้ฮอร์โมนเสริมจากยาเม็ด ครีม หรือวงแหวนยืดหยุ่นที่สามารถปลดปล่อยเอสโตรเจนปริมาณทีละน้อยลงในช่องคลอด ซึ่งจะทำให้เนื้อเยื่อหนาตัวและทดทานต่อการเสียดสีมากขึ้น จึงช่วยลดอาการเจ็บปวดขณะมีเพศสัมพันธ์ได้ดี
ระหว่างทำการรักษาอาการเจ็บปวดดังกล่าว ผู้ป่วยควรเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์แบบสอดใส่จนกว่าจะหายเป็นปกติ แต่ถ้าต้องการมีเพศสัมพันธ์จริงๆ ให้ใช้วิธีนวดคลึงกระตุ้นความรู้สึก การจูบ การมีเพศสัมพันธ์ทางปาก (Oral Sex) และการสำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง จนกว่าอาการจะดีขึ้น
การป้องกันอาการเจ็บปวดจากเพศสัมพันธ์
การปฏิบัติตามวิธีต่อไปนี้ จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดอาการเจ็บปวดจากเพศสัมพันธ์ได้บ้าง
- รออย่างน้อย 6 สัปดาห์หลังคลอดก่อนกลับมามีเพศสัมพันธ์อีกครั้ง
- ใช้สารหล่อลื่นที่ละลายน้ำได้เมื่อมีปัญหาช่องคลอดแห้ง
- รักษาสุขอนามัยให้สะอาดเหมาะสม
- ตรวจร่างกายเป็นประจำ
- ป้องกันการติดต่อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STDs) ด้วยการมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย
- กระตุ้นการหล่อลื่นในช่องคลอดตามธรรมชาติด้วยการเร้าอารมณ์ที่นานเพียงพอ
ที่มาของข้อมูล
Anna Zernone Giorgi, What Causes Pain With Intercourse? (https://www.healthline.com/symptom/pain-with-intercourse), July 7, 2017.