Sharon Osbourne เป็นผู้ที่มีชื่อเสียงจากบทบาทแม่ที่ชื่นชอบดนตรี Heavy Metal ในรายการ reality show ทางช่อง MTV ชื่อ ‘The Osbournes’ และรายการโทรทัศน์เรื่อง The talk เธอได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งลำไส้ในปี 2002 ครอบครัวของเธอมีส่วนช่วยเหลืออย่างมากและเธอเผชิญกับโรคอย่างกล้าหาญ มีรายงานว่าเธอสนับสนุนให้ลูกสาวที่ชื่อ Kelly เดินทางกลับนิวยอร์กเพื่อบันทึกรายการต่อ และให้สามี Ozzy ออกทัวร์ Ozzfest ของเขาต่อ รายการ reality show นี้ยังคงออกอากาศตามปกติในปีที่ 2 โดยมีการติดตาม Sharon ระหว่างที่เธอเข้ารับการรักษา
มีรายงานว่า Sharon ซึ่งได้เข้ารับการผ่าตัดแก้ไขไส้เลื่อนและภาวะปอดอักเสบในเวลาต่อมา และสามารถฟื้นตัวจากการรักษาโรคมะเร็งจนเป็นปกติ
ตรวจมะเร็งทั่วไปวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 340 บาท ลดสูงสุด 64%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
การผ่าตัดและการใช้ยาเคมีบำบัด
Sharon ซึ่งขณะนั้นอายุ 49 ปีและไม่มีประวัติครอบครัวในการเป็นมะเร็งลำไส้ เข้ารับการผ่าตัดลำไส้ใหญ่และต่อมน้ำเหลืองโดยรอบบางส่วนออกเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2002 หนึ่งในต่อมน้ำเหลืองที่ตัดออกพบว่ามีการแพร่กระจายของมะเร็ง ซึ่งแสดงว่ามีการแพร่กระจายออกจากลำไส้ใหญ่แล้ว เธอเข้ารับการรักษาต่อด้วยการให้ยาเคมีบำบัดเพื่อทำลายเซลล์มะเร็งที่เหลืออยู่หลังจากการผ่าตัด หลังจากนั้นเธอสามารถฟื้นตัวจากการรักษาได้โดยไม่มีภาวะแทรกซ้อนและไม่มีการกลับเป็นซ้ำของมะเร็ง
ถึงแม้ว่ามะเร็งลำไส้จะเป็นมะเร็งที่สามารถรักษาให้หายได้หากตรวจพบตั้งแต่ระยะแรก แต่กลับเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 2 ในสหรัฐอเมริกา โดยมีประชากรสหรัฐอเมริกาประมาณ 25% ที่มีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งลำไส้
ซึ่งปัจจัยเสี่ยงดังกล่าวประกอบด้วยประวัติครอบครัว ประวัติส่วนตัวของการมีมะเร็งลำไส้หรือมีเนื้องอก โรคลำไส้อักเสบ อายุมากกว่า 50 ปี โรคอ้วน และการสูบบุหรี่
ความเสี่ยงนี้จะลดลงหากมีการออกกำลังกายในระดับปานกลาง ลดน้ำหนัก เลิกบุหรี่ และรับประทานอาหารที่มีไขมันต่ำและผักในปริมาณมาก
การตรวจคัดกรองโรคมะเร็งลำไส้
การตรวจคัดกรองโรคมะเร็งลำไส้ทำเผื่อให้สามารถตรวจพบโรคตั้งแต่ระยะแรก ๆ ที่ยังสามารถรักษาให้หายขาดได้ โดยสมาคมโรคมะเร็งแห่งสหรัฐอเมริกาแนะนำให้ผู้ที่มีอายุมากกว่า 50 ปีตรวจเลือดในอุจจาระทุกปี ตรวจส่องกล้องในลำไส้ทุก 5 ปี และกลืนแป้งทุก 5-10 ปีหรือส่องกล้องทางทวารหนักทุก 10 ปีเพื่อคัดกรองโรค
ในผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งลำไส้สูงจากการเป็นโรคลำไส้อักเสบชนิดเป็นแผล (Ulcerative Colitis) การมีประวัติมะเร็งลำไส้ในครอบครัว หรือเนื้องอกในลำไส้ อาจแนะนำให้มีการตรวจคัดกรองโรคตั้งแต่เข้าสู่ช่วงวัยรุ่น
Osbourne เข้ารับการผ่าตัดชนิด resection surgery ซึ่งเป็นการผ่าตัดที่ใช้ในการรักษาโรคมะเร็งลำไส้บ่อยที่สุด โดยจะตัดลำไส้หรือไส้ตรงที่เป็นโรคออกและตัดต่อมน้ำเหลืองและลำไส้ที่ดูปกติออกบางส่วน หลังจากนั้นจะนำลำไส้ปกติ 2 ด้านมาต่อกัน เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถขับถ่ายได้ตามปกติมากที่สุด
การรักษามะเร็งลำไส้ด้วยยาเคมีบำบัด
การใช้ยาเคมีบำบัดเป็นการใช้ยา 1 ชนิดหรือมากกว่า เพื่อทำลายเซลล์มะเร็งและมักใช้หลังจากการผ่าตัดเพื่อรักษาโรคมะเร็งลำไส้ ยาเคมีบำบัดจะยับยั้งการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็ง รายละเอียดเรื่องการใช้ยาเคมีบำบัดจะขึ้นอยู่กับระยะของโรค สุขภาพของผู้ป่วยและความต้องการของแพทย์ ผลข้างเคียงของการใช้ยาเคมีบำบัดที่อาจเกิดขึ้นได้ประกอบด้วยอาการคลื่นไส้และผมร่วง มักสามารถรักษาให้หายได้
ภายหลังจากการใช้ยาเคมีบำบัด ผู้ป่วยส่วนมากจะต้องเข้ารับการตรวจเพื่อให้แน่ใจว่าการรักษาได้ผล โดยการตรวจเลือดและการเอกซเรย์ระหว่างการตรวจติดตามการรักษา ทำให้แพทย์สามารถติดตามการดำเนินของโรคและช่วยในการตัดสินใจเกี่ยวกับการรักษา