โรคสมาธิสั้น (Attention Deficit Hyperactivity Disorder : ADHD) คือหนึ่งในโรคจิตเวชเด็กที่พบได้บ่อยโดยเฉพาะเด็กในวัยเรียนอายุ 3-7 ปี โรคนี้ส่งผลให้เด็กมีสมาธิสั้นกว่าปกติ ขาดการควบคุมการเคลื่อนไหว เด็กกลุ่มนี้จึงดูซุกซน ไม่อยู่นิ่ง สาเหตุที่ทำให้เกิดโรคนั้นสันนิษฐานว่า เกิดจากสมองส่วนหน้าซึ่งทำหน้าที่ควบคุมสมาธิและการยับยั้งชั่งใจทำงานผิดปกติ หากปล่อยไว้อาการอาจรุนแรงจนมีปัญหาต่อการเข้าสังคม พ่อแม่และผู้ปกครองจำเป็นต้องพาไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษาทั้งด้วยการใช้ยาสมาธิสั้น การทำความเข้าใจ และการดูแลอย่างถูกวิธี
ยาสมาธิสั้น หรือยาที่ใช้รักษาโรคสมาธิสั้นในปัจจุบันมีอะไรบ้าง
แพทย์จะเลือกใช้ยาสมาธิสั้นที่เหมาะกับอาการและวัยของเด็ก โดยกลุ่มยาหลักที่เลือกใช้ ได้แก่
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
- กลุ่มยาสมาธิสั้นออกฤทธิ์กระตุ้นการทำงานของสมองส่วนหน้า ได้แก่ methylphenidate
- กลุ่มยาสมาธิสั้นออกฤทธิ์ไม่กระตุ้นการทำงานของสมองส่วนหน้า ได้แก่ atomoxetine venlafaxine
ในกรณีที่รักษาด้วยกลุ่มยาสมาธิสั้นกลุ่มออกฤทธิ์กระตุ้นแล้วไม่ได้ผล หรือเกิดผลข้างเคียงที่ทำให้ผู้ป่วยใช้ยากลุ่มนี้ไม่ได้ แพทย์จึงจะเปลี่ยนไปใช้ยาสมาธิสั้นกลุ่มออกฤทธิ์ไม่กระตุ้นแทน
Methylphenidate คืออะไร
เป็นยาสมาธิสั้นในกลุ่มออกฤทธิ์กระตุ้นการทำงานของสมองส่วนหน้าถือเป็นยาสมาธิสั้นที่ได้ผลดีที่สุดสำหรับโรคสมาธิสั้น ในท้องตลาดมีวางจำหน่ายในชื่อการค้า Ritalin® Rubifen® ซึ่งเป็นรูปแบบยาชนิดออกฤทธิ์เร็ว หรือ Concerta® ซึ่งเป็นรูปแบบยาชนิดออกฤทธิ์นาน
การวิจัยในปัจจุบันพบว่ายา methylphenidate มีผลทำให้ความผิดปกติของสมองทางด้านโครงสร้างและการทำงานที่บกพร่อง เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ยาจะช่วยให้เด็กมีความจดจ่อในการทำงานเพิ่มมากขึ้น ซนน้อยลง ดูสงบลง มีความสามารถในการควบคุมตัวเอง และควบคุมอารมณ์ได้ดีขึ้น และอาจช่วยให้ผลการเรียนดีขึ้น จึงเชื่อว่า ยา methylphenidate ไม่ได้มีผลแค่รักษาตามอาการอย่างที่เคยเชื่อกันในอดีต แต่เป็นยาที่สามารถช่วยให้เด็กหายจากการเป็นโรคสมาธิสั้นได้ถึง 70-80%
ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับยาสมาธิสั้น
คนทั่วไปที่ไม่ใช่แพทย์ มักมีความเข้าใจผิดคิดว่า ยาสมาธิสั้นที่แพทย์ใช้ในการรักษาเด็กสมาธิสั้นออกฤทธิ์โดยการไปบีบ หรือกดสมอง เพื่อให้เด็กนิ่งขึ้น หรือซนน้อยลง ดังนั้นความรู้สึกแรกที่เกิดขึ้นกับพ่อแม่ เมื่อแพทย์บอกว่า เด็กควรจะได้รับการรักษาด้วยยายาสมาธิสั้น คือ วิตกกังวล ลังเลไม่แน่ใจ ไม่อยากให้เด็กรับประทานยา แต่แท้จริงแล้วยาสมาธิสั้นจะออกฤทธิ์โดยการไปยับยั้งการทำลายสารสื่อประสาทในสมอง ซึ่งในเด็กสมาธิสั้นมีสารสื่อประสาทเหล่านี้น้อยกว่าเด็กปกติ ทำให้ในสมองของเด็กมีสารสื่อประสาทที่จำเป็นในปริมาณเพิ่มขึ้น สารสื่อประสาทตัวนี้เป็นตัวที่ช่วยให้เด็กสามารถควบคุมตัวเองได้ดีขึ้น มีสมาธิยาวนานขึ้น และเรียนหนังสือได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ผลที่ตามมาเมื่อเด็กได้รับการรักษาอย่างถูกวิธีคือ เด็กจะมีความรู้สึกมีคุณค่าในตัวเองเพิ่มมากขึ้น และมีความสัมพันธ์กับเพื่อนหรือคนในครอบครัวดีขึ้น
พ่อแม่หลายท่านมักจะกังวลเกรงว่า จะมีผลเสียกับเด็กหากเด็กรับประทานยาติดต่อกันเป็นระยะเวลานานๆ เช่น เกรงว่าเด็กจะไม่โต ตัวเล็ก สมองเสื่อม ไม่ฉลาด เป็นต้น โดยแท้จริงแล้ว มีการใช้ยาในกลุ่ม methylphenidate มานานกว่า 80 ปีแล้ว มีการวิจัยมากมายที่ยืนยันความปลอดภัยของยา โดยพบว่า เด็กสมาธิสั้นที่รับประทานยาสมาธิสั้นในกลุ่มนี้ติดต่อกันเป็นระยะเวลานานๆ มีการเจริญเติบโตเท่ากับเด็กปกติ มีพัฒนาการทางสมองเป็นปกติ และไม่มีผลตกค้างที่จะเป็นอันตรายต่อร่างกายในระยะยาว
ข้อควรปฏิบัติเมื่อต้องใช้ยาสมาธิสั้น
เมื่อเด็กจำเป็นต้องใช้ยารักษาสมาธิสั้น พ่อแม่ไม่ควรโกหก หรือขู่เด็กเวลาให้รับประทานยา แต่ควรพูดกับเด็กตรงๆ ว่า ต้องการให้เด็กรับประทานยาเพื่ออะไร โดยเน้นประโยชน์ที่เด็กจะได้รับจากการรับประทานยา พูดถึงยาในแง่บวก เช่น “เวลาที่หนูกินยานี้แล้ว แม่สังเกตว่าหนูเรียนดีขึ้น รับผิดชอบทำการบ้านดีขึ้นมาก” การพูดลักษณะเช่นนี้จะทำให้เด็กมีกำลังใจ และมีความร่วมมือในการรับประทานยาอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้เพื่อให้การรักษาได้ผลดี พ่อแม่ควรพาเด็กไปพบแพทย์อย่างต่อเนื่อง รับประทานยาสมาธิสั้นตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด ทำความเข้าใจ เอาใจใส่เด็กให้มากขึ้น ร่วมกับการปรับปฤติกรรมและกระตุ้นพัฒนาการของเด็ก อาการจะค่อยๆ ดีขึ้น