การทรงตัวของร่างกายเกิดขึ้นได้อย่างไร?

ทำความเข้าใจอวัยวะที่มีส่วนสำคัญในการทรงตัว การทำงานประสานกันของอวัยวะเหล่านั้น และวิธีการสังเกตความบกพร่องของการทรงตัวเบื้องต้น
เผยแพร่ครั้งแรก 23 ก.พ. 2018 อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 2020 เวลาอ่านประมาณ 3 นาที
การทรงตัวของร่างกายเกิดขึ้นได้อย่างไร?

ระบบการทรงตัว (Balance system) เป็นระบบที่มีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตประจำวันของมนุษย์อย่างมาก เนื่องจากหากไม่สามารถทรงตัว ก็ได้จะไม่สามารถทำกิจกรรมอื่นๆ ได้เลย ระบบการทรงตัวเป็นระบบการทำงานร่วมกันของอวัยวะต่างๆ ที่ซับซ้อน หากเข้าใจระบบการทรงตัวอย่างดี ก็จะทำให้ป้องกันการเกิดปัญหาการทรงตัวได้ โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ

ระบบการทรงตัวของร่างกายเกิดขึ้นได้อย่างไร?

ระบบการทรงตัวของร่างกายเกิดขึ้นจากการทำงานร่วมกันของ 3 ระบบรับความรู้สึกสำคัญ ได้แก่

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง

  1. ระบบการมองเห็น (Visual system)
  2. ระบบการรับรู้ตำแหน่งของข้อต่อ (Proprioception system)
  3. ระบบการรับรู้ตำแหน่งของร่างกายภายในหู (Vestibular system)

การทำงานที่สมดุลกันของระบบทั้งสาม ร่วมกับระบบประสาทส่วนกลางและระบบบกระดูกและกล้ามเนื้อ มีผลอย่างมากต่อการทรงตัว โดยสมองจะรับรู้ตำแหน่งของร่างกายผ่านระบบรับความรู้สึกทั้งสามข้างต้น จากนั้นกล้ามเนื้อของร่างกายก็จะตอบสนอง เช่น หดเกร็งหรือยืดยาวออก เพื่อให้ทรงท่าได้ เกิดเป็นวงจรอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ทั้งในขณะที่ยืนเฉยๆ นั่ง เดิน วิ่ง

สามารถกล่าวได้ว่า ระบบการทรงตัวของร่างกายเป็นระบบที่ทำงานตลอดเวลา โดยที่มนุษย์รู้สึกตัวเลย

อธิบายอย่างละเอียด คือ ทั้งระบบการมองเห็น ระบบการรับรู้ตำแหน่งของข้อต่อ ระบบการรับรู้ตำแหน่งของร่างกายภายในหู จะทำหน้าที่แตกต่างกัน เพื่อรวบรวมข้อมูลส่งไปยังสมอง ขั้นแรก ดวงตาทำหน้าที่ส่งข้อมูลเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมโดยรอบ ตำแหน่งของร่างกาย และสิ่งกีดขวางโดยรอบ

จากนั้นเมื่อมีการเปลี่ยนตำแหน่งของศีรษะและร่างกาย ส่วนหูชั้นใน (Inner ear) ซึ่งมีท่อรูปเกือกม้า 3 ท่อ (Semicircular canals) และท่อขดก้นหอย (Cochlea) ภายในบรรจุขนขนาดเล็ก (Cilia) และของเหลว ก็จะส่งสัญญาณเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวและสมดุล (Movement and equilibrium) ของร่างกายและศีรษะเมื่อเทียบกับบริเวณโดยรอบ ไปยังระบบระบบประสาทส่วนกลาง

ตัวรับรู้ตำแหน่งของข้อต่อต่างๆ ในร่างกายจะให้ข้อมูลเกี่ยวกับตำแหน่งของข้อต่อกับสมองส่วนกลาง จากนั้นสมองจะแปลผลและหาวิธีตอบสนองอย่างเหมาะสมต่อไป เช่น การปรับตำแหน่งของลำตัวให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม หรือการเคลื่อนไหวเพื่อให้ร่างกายทรงท่าได้ต่อไป

สมองส่วนใดบ้างที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการทรงตัว?

สมองส่วนที่เป็นศูนย์กลางควบคุมการประสานสัมพันธ์ของกล้ามเนื้อมัดต่างๆ และการทรงตัว คือ สมองส่วนท้าย (Hindbrain) บริเวณที่มีชื่อว่า ซีรีเบลลัม (Cerebellum)

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง

ในผู้ที่ดื่มแอลกอฮอลล์ปริมาณมาก แอลกอฮอลล์จะออกฤทธิ์รบกวนการทำงานของสมองส่วนนี้ ทำให้กล้ามเนื้อทำงานประสานกันได้ไม่เต็มที่ จับต้องวัตุได้ไม่แม่นยำและรวดเร็วเหมือนในภาวะปกติ ทรงตัวไม่ได้ หรือเดินเซ

หู และการได้ยิน มีผลต่อการทรงตัวหรือไม่?

ถึงแม้ในหูชั้นในจะมีอวัยวะที่ทำหน้าสำคัญในการรับรู้ตำแหน่งของศีรษะและร่างกาย ซึ่งจำเป็นอย่างมากต่อระบบการทรงตัว แต่ระบบการได้ยินและระบบการทรงตัวนั้นทำงานแยกจากกัน

ระบบการได้ยินซึ่งประกอบไปด้วยเยื่อแก้วหู (Tympanic membrane) และกระดูกขนาดเล็กทั้ง 3 ชิ้นได้แก่ ค้อน(Malleus) ทั่ง (Incus) โกลน (Stapes) จะวางตัวอยู่ในหูชั้นกลาง (Middle ear) ในขณะที่อวัยวัที่เกี่ยวข้องกับกับการทรงตัวจะวางตัวอยู่ในหูชั้นใน

จึงจะสังเกตได้ว่า ผู้ป่วยที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน จะไม่ได้มีปัญหาด้านการทรงไปตัวด้วยนั่นเอง

ความเสื่อมของระบบการทรงตัวเกิดขึ้นได้อย่างไร?

โดยทั่วไปการเสื่อมของระบบการทรงตัวค่อยๆ เกิดขึ้นพร้อมกับการเสื่อมของร่างกายเมื่ออายุมากขึ้น การมองเห็นเริ่มมีปัญหา ข้อต่อเริ่มเสื่อม ปัญหาเหล่านี้ก็จะส่งผลกระทบต่อระบบการส่งตัวด้วย

ยังมีอีกหลายสาเหตุที่ส่งผลให้ผู้ป่วยมีปัญหาการทรงตัวได้ เช่น ผู้ที่เอ็นข้อเท้าฉีกและไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม จะทำให้ข้อท้ามีความมั่นคงลดลง ผู้ที่มีหินปูนในหูชั้นในเคลื่อออกไปจากตำแหน่งที่ผิดปกติ (benign paroxysmal positional vertigo: BPPV) หรือผู้ที่ประสบอุบัติเหตุ สมองได้รับการกระทบกระเทือน ทำให้เนื้อสมองส่วนที่รับความรู้สึก สั่งการการเคลื่อนไหว หรือศูนย์กลางประสานการทำงานของกล้ามเนื้อในร่างกายมีปัญหา ก็จะทำให้มีปัญหาด้านการทรงตัวได้

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง

การสังเกตความเสื่อมของการทรงตัวเบื้องต้นทำได้อย่างไรบ้าง?

ดังที่ได้กล่าวไปแล้วว่า โดยทั่วไปความเสื่อมของระบบการทรงตัวมักจะมาพร้อมกับอายุที่มากขึ้น ดังนั้นกลุ่มที่มีความเสี่ยงที่สุดคือผู้สูงอายุ

วิธีการสังเกตความเสื่อมของการทรงตัวง่ายๆ คือ ผู้สูงอายุที่เริ่มมีปัญหาการทรงตัวจะเดินช้าลง ไม่ค่อยมีความมั่นใจ ขณะเดินจะคอยหาราว หรือเครื่องเรือนเพื่อยึดขณะเดิน มีอาการเดินเซหรือเดินช้ามากเมื่อต้องเดินบนผิวที่ขรุขระหรือขึ้นลงบันได

มีรายงานจำนวนมากชี้ให้เห็นว่า ผู้สูงอายุที่มีปัญหาการทรงตัวมีความเสี่ยงต่อการพลัดตกหกล้มสูงจำนวนมากนั้น หกล้มแล้วไม่สามารถกลับมาเดินได้อีกเลย กลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง (Bed ridden) และจำนวนมากเสียชีวิตลงในเวลาอันสั้นด้วยโรคแทรกซ้อนหลังจากไม่สามารถเดินได้ เช่น แผลกดทับ ปอดติดเชื้อ

การป้องกันที่ดีที่สุดคือการสังเกตปัญหาการทรงตัวแต่เนิ่นๆ และพาผู้สูงอายุไปพบนักกายภาพบำบัดทันที เพื่อให้ได้รับการรักษาด้วยการออกกำลังกายที่เหมาะสม รวมถึงได้ฝึกการทรงตัวด้วยวิธีการต่างๆ ลดความเสี่ยงต่อการพลัดตกหกล้ม หรือหากเกิดปัญหาแล้ว การบำบัดก็จะช่วยให้พวกเขาสามารถกลับมาดำเนินกิจวัตรประจำวันได้ใกล้เคียงปกติที่สุด

ในการนี้ บุคคลใกล้ชิดถือว่ามีส่วนอย่างมากที่จะให้การช่วยเหลือ เนื่องจากตัวผู้สูงอายุบางคนอาจไม่ให้ความสำคัญกับการทรงตัวที่เสื่อมลงมากนัก นอกจากนี้ การสนับสนุนให้ผู้สูงอายุออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความสามารถในการทรงตัวเป็นประจำ ก็เป็นอีกแนวทางที่มีประโยชน์อย่างมาก


3 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
Khan S, Chang R (2013). Anatomy of the vestibular system: A review NeuroRehabilitation, 32 (3), 437-443.
Barin K, Durrant JD. Applied physiology of the vestibular system. In: Canalis RF, Lempert PR, editors. The ear: comprehensive otology. Philadelphia: Lippincott Williams & Wilkins; 2000. p. 431-46.
Baloh RW, Honrubia V. Clinical neurophysiology of the vestibular system. New York: Oxford University Press; 2001.

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)

บทความต่อไป