ความพิการแขนขา เป็นปัญหาที่เกิดจากโครงสร้างกระดูกที่แขนหรือขา ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือทั้งชิ้นของแขนและขา โดยปกติแล้ว ปัญหาเหล่านี้จะเกิดขึ้นตั้งแต่แรกเกิด และในบางครั้ง ทารกก็อาจเกิดมาพร้อมกับความผิดปกติของแขนหรือขาทั้งสองข้าง
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ความพิการแขนขาส่วนมาก มักเกิดจากโรคหรือการบาดเจ็บบางอย่างที่ไปรบกวนการเจริญเติบโตตามปกติของโครงสร้างกระดูกจนทำให้เกิดความผิดปกติดังกล่าวขึ้น
ความพิการแขนขา สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ
- ความผิดปกติแต่กำเนิด (Congenital Abnormalities) : เป็นความผิดปกติหรือความพิการที่เกิดขึ้นตั้งแต่แรกคลอด อาจเกิดขึ้นที่แขนหรือขาข้างใดข้างหนึ่งซึ่งอาจมีขนาดเล็กหรือใหญ่กว่าปกติ หรืออาจมีแขนหรือขาบางข้างหายไปทั้งหมด เป็นต้น ความพิการแต่กำเนิดเป็นสิ่งที่พบได้ยากมาก มักเกิดจากปัญหาของโครโมโซม หรือเป็นผลมาจากยารักษาโรคบางตัวที่แม่รับประทานขณะตั้งครรภ์ทารก
- ความพิการที่เกิดขึ้นภายหลัง (Acquired Abnormalities) : เป็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นหลังคลอดแล้ว เช่น เกิดภาวะกระดูกร้าวหรือหักในระหว่างวัยเด็ก ซึ่งอาจทำให้กระดูกส่วนนั้นเติบโตช้ากว่าปกติ จึงนำไปสู่การมีแขนหรือขาที่พัฒนาผิดปกติกว่าอีกข้างหนึ่ง
อาการของความพิการแขนขา
อาการที่สังเกตเห็นได้ชัดเจนของความพิการแขนขาตั้งแต่กำเนิด ได้แก่
- แขนหรือขาพัฒนาไม่สมบูรณ์
- แขนหรือขามีส่วนที่ขาดหายไป
- แขนหรือขาสั้นกว่าอีกข้างหนึ่ง
- แขนหรือขาไม่สมส่วนกับอวัยวะส่วนอื่นของร่างกาย
หากเป็นความพิการที่เกิดขึ้นภายหลัง อาจไม่สามารถสังเกตเห็นอาการภายนอกได้อย่างชัดเจน แต่ผู้ป่วยส่วนมากมักจะมีอาการดังต่อไปนี้
- ขาข้างหนึ่งเหมือนจะสั้นกว่าอีกข้างหนึ่ง
- ปวดสะโพก
- ปวดเข่า
- ปวดข้อเท้า
- ปวดหลัง
- ไหล่ลู่ข้างเดียว เมื่อเทียบกับอีกข้างที่ดูปกติ
- ท่าทางเดินผิดปกติ เช่น เดินโขยกเขยก เดินหมุนขาเข้าหรือออกมากเกินปกติ หรือเดินบนปลายนิ้วเท้า
สาเหตุของความพิการแขนขา
ปัจจุบันแพทย์ยังไม่ทราบสาเหตุของความพิการแขนขาแต่กำเนิดอย่างแน่ชัด แต่มีบางปัจจัยเสี่ยงที่อาจเป็นไปได้ เช่น
- การสัมผัสกับไวรัส ยา หรือสารเคมีอันตรายก่อนคลอด
- แม่สูบบุหรี่ขณะตั้งครรภ์
- เป็นโรคหรือความพิการอื่นๆ เช่น
- ผนังหน้าท้องไม่ปิดแบบมีถุงหุ้มอวัยวะภายใน (Omphalocele)
- ผนังหน้าท้องไม่ปิดแบบไม่มีถุงหุ้ม (Gastroschisis)
- ความพิการของหัวใจ (Heart Defect)
- กลุ่มอาการพังผืดในถุงน้ำคร่ำ (Amniotic Band Syndrome) : เป็นโรคแต่กำเนิดชนิดหนึ่ง ที่ทำให้เนื้อเยื่อของถุงน้ำคร่ำพันรัดแขนหรือขาของทารกก่อนคลอด จนทำให้เกิดความพิการขึ้น
ส่วนความพิการแขนขาที่เกิดขึ้นภายหลัง อาจเกิดขึ้นจากการได้รับบาดเจ็บที่กระดูกในวัยเด็ก และการเกิดโรคต่างๆ ดังต่อไปนี้
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
- โรคกระดูกอ่อนในเด็ก (Rickets)
- การขาดวิตามินดี (Vitamin D Deficiency)
- โรคมาร์ฟาน (Marjan Syndrome)
- กลุ่มอาการดาวน์ (Down Syndrome)
การวินิจฉัยความพิการแขนขา
กรณีที่ความพิการเกิดขึ้นตั้งแต่แรกคลอด แพทย์จะวินิจฉัยได้ทันทีด้วยการตรวจร่างกาย แต่ถ้าความพิการแขนขาเกิดขึ้นภายหลัง แพทย์อาจต้องวินิจฉัยด้วยการตรวจหลายอย่าง ได้แก่ การซักประวัติทางการแพทย์ การตรวจร่างกาย และการวัดแขนขา นอกจากนี้อาจจำเป็นต้องถ่ายภาพรังสีเอกซเรย์ หรือการถ่ายภาพทางการแพทย์อื่นๆ เพื่อดูโครงสร้างกระดูกเพิ่มเติม
การรักษาความพิการแขนขา
เป้าหมายหลักของการรักษาความพิการแขนขาแต่กำเนิด ได้แก่ กระตุ้นการเจริญเติบโตของแขนขาตามปกติ และการเสริมสร้างรูปลักษณ์ภายนอกของแขนขา เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยปรับตัวเข้ากับกิจวัตรประจำวันได้ดีขึ้น ซึ่งแพทย์จะใช้วิธีต่อไปนี้ในการรักษา
- อวัยวะเทียม หรืออวัยวะเสริม : แพทย์อาจแนะนำให้ผู้ป่วยใช้แขนหรือขาเทียมช่วยทำงานแทนอวัยวะปกติ ในบางกรณีแขนขาของผู้ป่วยยังมีอยู่แต่อ่อนแรง อาจใช้กายอุปกรณ์ (Orthotic Brace) หรือเฝือกช่วยรองรับแขนขาที่ผิดปกติเพื่อให้สามารถทำงานตามปกติ
- กิจกรรมบำบัดหรือกายภาพบำบัด : เพื่อช่วยออกแรงและเสริมสร้างกำลังแขนขาที่ผิดปกติ ในกรณีที่ผู้ป่วยยังมีแขนขาแต่อ่อนแรงจนไม่สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้
- การผ่าตัด : มักจะนิยมนำมาใช้รักษาความพิการขา โดยแบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก คือ
- Epiphysiodesis : เป็นกระบวนการที่แพทย์จะต้องวางแผนล่วงหน้าเพื่อหยุดยั้งการเจริญเติบโตตามปกติของขาข้างหนึ่ง เพื่อให้ขาที่สั้นกว่าสามารถเติบโตยาวเท่ากันได้
- Femoral Shortening : เป็นกระบวนการผ่าตัดตัดส่วนหนึ่งของกระดูกโคนขาหรือกระดูกต้นขาออกไป
- การยืดแขนขา (Limb lengthening) : แพทย์อาจแนะนำให้ทำการยืดแขนหรือขาผ่านกระบวนการตัดกระดูกและฝังอุปกรณ์ภายนอกเพื่อค่อยๆ ปรับยืดเพิ่มความยาวของอวัยวะช้าๆ ภายในหนึ่งปี กระบวนการนี้อาจทำให้เกิดความเจ็บปวดและมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนสูงกว่าการรักษาแบบอื่นๆ
การป้องกันความพิการแขนขา
ยังไม่มีวิธีใดที่สามารถป้องกันการเกิดความพิการแขนขาได้ แต่สามารถมุ่งเน้นไปที่การตรวจพบความผิดปกติให้เร็วที่สุดและรีบรักษาทันที
หญิงตั้งครรภ์สามารถลดโอกาสเกิดความผิดพิการแขนขาของลูกได้โดยการรับประทานกรดโฟลิกเสริม ตั้งแต่ช่วงที่วางแผนจะมีบุตรไปจนถึงช่วงตั้งครรภ์ โดยวิตามินเสริมดังกล่าวมีแจกตามโรงพยาบาลทั่วไป และควรหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ หรือดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงที่มีการตั้งครรภ์
ที่มาของข้อมูล
Tracy Hart, What causes congenital limb abnormalities (https://www.healthline.com/symptom/congenital-limb-abnormalities), November 8, 2016.