ในระหว่างการตั้งครรภ์ ต่อมไทรอยด์ต้องทำงานเพิ่มขึ้นเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของทั้งแม่และทารกที่กำลังเจริญเติบโต แนวทางวินิจฉัยและการรักษาโรคไทรอยด์ระหว่างการตั้งครรภ์และหลังคลอดของสมาคมไทรอยด์แห่งสหรัฐอเมริกาได้กล่าวว่า จะมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างเกิดขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว ซึ่งรวมถึง
- ต่อมไทรอยด์ในผู้หญิงที่ไม่ได้มีการขาดไอโอดีน มักมีขนาดเพิ่มขึ้นประมาณ 10% ระหว่างการตั้งครรภ์
- ต่อมไทรอยด์ในผู้หญิงที่มีการขาดไอโอดีน มักมีขนาดเพิ่มขึ้นตั้งแต่ 20-40% ระหว่างการตั้งครรภ์
- โดยทั่วไป การผลิต thyroxine (T4) และ triiodothyronine (T3) มักเพิ่มขึ้น 50% ระหว่างการตั้งครรภ์
- ผู้หญิงตั้งครรภ์ต้องการไอโอดีนเพิ่มขึ้น 50% จากความต้องการปกติต่อวัน
- ขอบบนของค่ามาตรฐานของ thyroid-stimulating hormone (TSH) จะต่ำลงอยู่ที่ 2.5 mIU/L ในช่วงไตรมาสแรก
- หญิงตั้งครรภ์ไตรมาสแรกประมาณ 10-20% มีค่า thyroid peroxidase (TPO) หรือ thyroglobulin (Tg) antibody เป็นบวก แม้ว่าระดับ TSH อยู่ในระดับปกติ
- มีการประมาณว่าผู้หญิงที่มีค่า TSH อยู่ในเกณฑ์ปกติแต่มีค่า TPO หรือ Tg antibodies เป็นบวกในไตรมาสแรกประมาณ 16% จะมีระดับ TSH สูงกว่า 4.0 mIU/L ในไตรมาสที่ 3
- หญิงตั้งครรภ์ที่มีค่า TPO หรือ Tg antibodies เป็นบวกในไตรมาสแรกประมาณ 33-50% จะมีภาวะไทรอยด์อักเสบหลังคลอด
ผู้เขียนแนวทางปฏิบัตินี้ได้กล่าวว่า “การคั้งครรภ์ถือเป็นความเครียดต่อต่อมไทรอยด์ ทำให้เกิดภาวะไทรอยด์ฮอร์โมนต่ำในผู้หญิงที่มีการสำรองไทรอยด์ฮอร์โมนจำกัดหรือขาดไอโอดีน และเกิดไทรอยด์อักเสบหลังคลอดในผู้หญิงที่เป็น Hashimoto’s disease ที่มีระดับไทรอยด์ฮอร์โมนปกติก่อนการตั้งครรภ์
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ความเปลี่ยนแปลงของการทำงานของต่อมไทรอยด์ระหว่างการตั้งครรภ์
เนื่องจากการทำงานของต่อมไทรอยด์มีการเปลี่ยนแปลงระหว่างการตั้งครรภ์ แนวทางปฏิบัติจึงได้มีการกำหนดค่ามาตรฐานของการทดสอบไทรอยด์ โดยเฉพาะการทดสอบ TSH ตามแต่ละไตรมาส
โดยได้แนะนำต่อว่าหากห้องปฏิบัติการที่ตรวจนั้นไม่มีค่ามาตรฐานระหว่างแต่ละไตรมาสของการตั้งครรภ์ของตนเอง ควรอ้างอิงค่ามาตรฐานดังต่อไปนี้
- ไตรมาสที่ 1 : 0.1-2.5 mIU/L
- ไตรมาสที่ 2 : 0.2-3.0 mIU/L
- ไตรมาสที่ 3 : 0.3-3.0 mIU/L
หากคุณมีโรคเกี่ยวกับต่อมไทรอยด์ คุณจะต้องมีการตรวจติดตามการทำงานของไทรอยด์ระหว่างการตั้งครรภ์ หรือหากคุณมีประวัติโรคไทรอยด์ในครอบครัวหรือมีอาการเข้าได้กับโรคไทรอยด์ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจสอบ
โรคของต่อมไทรอยด์ระหว่างการตั้งครรภ์
การรักษาภาวะไทรอยด์ฮอร์โมนต่ำระหว่างการตั้งครรภ์เป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะหากไม่รักษาจะทำให้เกิดการพัฒนาของร่างกายและกล้ามเนื้อช้าในทารกได้ หากคุณมีภาวะนี้ อย่าหยุดรับประทานยาระหว่างการตั้งครรภ์
ผู้หญิงบางคนอาจมีภาวะไทรอยด์ฮอร์โมนสูงระหว่างการตั้งครรภ์ ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาอาจทำให้เกิดภาวะครรภ์เป็นพิษหรือการคลอดก่อนกำหนดได้ ผู้หญิงที่เป็นโรค Graves disease ระหว่างการตั้งครรภ์จะมีความเสี่ยงในการเกิดภาวะไทรอยด์ฮอร์โมนสูงกว่าปกติชนิดรุนแรงที่เรียกว่า thyroid storm
ทารกที่เกิดจากมารดาที่มีภาวะไทรอยด์ฮอร์โมนสูงแต่ไม่ได้รับการรักษาอาจมีน้ำหนักแรกคลอดน้อย หัวใจเต้นเร็ว และมีความผิดปกติแต่กำเนิด ในกรณีที่รุนแรงอาจทำให้ทารกตายคลอดได้ และหลังจากการคลอดบุตรแล้ว พบว่าผู้หญิงบางคน (น้อยกว่า 10%) อาจเกิดภาวะไทรอยด์อักเสบหลังคลอด ภาวะนี้สามารถรักษาได้ด้วยยาไทรอยด์ และผู้หญิงส่วนมากมักจะสามารถลดและหยุดยาได้ภายใน 6-12 เดือน