ยุค New Normal สุขภาพ เป็นสิ่งที่ทุกคนใส่ใจมากยิ่งขึ้น
ถ้าเริ่มมีอาการเจ็บคอ คันคอ ระคายคอ หรือมีเสมหะ เหนียวคอ มาดู 5 วิธี บรรเทาง่ายๆ ได้ผล อย่ารอให้เป็นหนัก
อาการปวดข้อเท้า หมายถึง อาการปวดหรือไม่สบายใดๆ ในข้อเท้า ซึ่งอาจเกิดจากการบาดเจ็บ เช่น ข้อเท้าแพลง หรือความผิดปกติทางการแพทย์ เช่น โรคข้ออักเสบ
อาการปวดข้อเท้า มักเกิดจากข้อเท้าแพลง หรือภาวะที่เอ็นข้อเท้าซึ่งเป็นเนื้อเยื่อมัดเหนียวๆ เชื่อมต่อกับกระดูกฉีกขาดหรือถูกยืดเกินควรมากถึง 85% โดยข้อเท้าแพลงมักจะมาพร้อมอาการบวมและฟกช้ำอยู่ประมาณ 7-14 วัน หากมีอาการรุนแรงมาก อาจต้องใช้เวลา 60-90 วันจึงจะหายขาด
สาเหตุของอาการปวดข้อเท้า
นอกจากข้อเท้าแพลงแล้ว อาจพบอาการปวดข้อเท้าที่มาจากสาเหตุดังนี้
- โรคข้ออักเสบ โดยเฉพาะโรคข้อเสื่อม (Osteoarthritis)
- โรคเกาต์ (Gout)
- ความเสียหายของเส้นประสาท
- อาการปวดสะโพกร้าวไปขา (Sciata)
- เส้นเลือดอุดตัน
- การติดเชื้อในข้อต่อ
- โรคข้ออักเสบติดเชื้อ (Septic arthritis)
การดูแลอาการปวดข้อเท้าด้วยตนเอง
การรักษาอาการปวดข้อเท้าฉับพลันด้วยตนเอง สามารถทำได้ตามหลักการ RICE ดังนี้
- Rest (พักผ่อน) หลีกเลี่ยงการทิ้งน้ำหนักบนข้อเท้า พยายามเคลื่อนที่หรือเดินให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ในช่วง 2-3 วันแรก ให้ใช้ไม้ค้ำหรือไม้เท้าช่วยถ้าจำเป็นต้องเดินหรือขยับตัว
- Ice (ประคบเย็น) ประคบถุงน้ำแข็งบนข้อเท้าเป็นเวลาอย่างน้อย 20 นาทีต่อครั้ง พักครั้งละประมาณ 90 นาที ทำแบบนี้ 3-5 ครั้งต่อวัน ต่อเนื่องกัน 3 วันหลังจากได้รับบาดเจ็บ เพื่อลดอาการบวมและอาการปวด
- Compression (บีบรัด) รัดข้อเท้าที่บาดเจ็บด้วยผ้าพันแผลที่ยืดหยุ่น เช่น ผ้าพันแผล ACE อย่ารัดข้อเท้าแน่นเกินไปจนข้อเท้าชาหรือนิ้วเท้าของคุณเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเพราะขาดเลือด
- Elevation (ยกสูง) ให้ยกข้อเท้าขึ้นเหนือระดับหัวใจโดยวางลงบนหมอนหรือโซฟาอย่างน้อย 5-10 ครั้งต่อวัน
หากรู้สึกปวด สามารถรับประทานยาแก้ปวดที่หาได้ตามร้านขายยา เช่น พาราเซตามอลหรือไอบูโพรเฟน เพื่อบรรเทาอาการปวดและบวม เมื่ออาการดีขึ้นแล้วให้เริ่มบริการข้อเท้าอช้าๆ ด้วยการหมุนข้อเท้าเป็นวงกลม ให้หมุนทั้งสองทิศทางทั้งทวนเข็มและตามเข็มนาฬิกา หากรู้สึกเจ็บให้หยุดทันที
หากอาการปวดข้อเท้าเป็นผลมาจากโรคข้ออักเสบ แต่ไม่สะดวกไปพบแพทย์ สามารถดูแลตัวเองเบื้องต้นได้ ดังนี้
- ทายาแก้ปวดเฉพาะที่
- รับประทานยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) เช่น ไอบูโพรเฟน
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และเน้นออกกำลังกายระดับปานกลางไม่หนักเกินไป
- ฝึกนิสัยการรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ
- ยืดกล้ามเนื้อบ่อยครั้ง เพื่อเพิ่มช่วงการเคลื่อนที่ในข้อต่อให้ดีขึ้น
- รักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในช่วงที่เหมาะสม ซึ่งจะช่วยลดแรงกดทับบนข้อต่อได้
ที่มาของข้อมูล
Natalie Phillips, What Causes Ankle Pain? (https://www.healthline.com/symptom/ankle-pain), September 26, 2015.