แพทย์พิจารณาแล้วว่า ยาอะเซตามิโนเฟน (Acetaminophen) หรือ “พาราเซตามอล (Paracetamol)” เป็นยาบรรเทาอาการปวดและยาลดไข้ที่ปลอดภัย ยาอะเซตามิโนเฟนใช้กันอย่างแพร่หลายมานานหลายสิบปี ทั้งยังมีงานวิจัยมากมายแสดงให้เห็นว่า ยาชนิดนี้ปลอดภัยเมื่อนำมาใช้ระหว่างตั้งครรภ์
ฝากครรภ์ คลอดบุตรวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 79 บาท ลดสูงสุด 65%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
อย่างไรก็ตาม ไม่มียาชนิดใดในโลกที่การันตีได้ว่าปลอดภัย 100% สำหรับทุกคน บรรดานักวิจัยเองยังคงศึกษาผลที่อาจจะเกิดขึ้นได้ จากการใช้อะเซตามิโนเฟนระหว่างตั้งครรภ์ สิ่งน่าสนใจที่พบมีดังต่อไปนี้
- ปัญหาทางด้านพฤติกรรมของเด็กที่จะเกิดมา บางการศึกษาชี้ให้เห็นว่า การใช้ยาอะเซตามิโนเฟนระหว่างตั้งครรภ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากใช้ในปริมาณมาก หรือใช้ในช่วงสามเดือนสุดท้ายของการตั้งครรภ์ อาจนำไปสู่การเกิดปัญหาด้านพฤติกรรม เช่น โรคสมาธิสั้น (ADHD) หรืออาการไฮเปอร์ในเด็ก โดยหากใช้ในระยะสั้นๆ ไม่เกิน 8 วัน จะไม่มีปัญหาทางพฤติกรรม ทั้งนี้ยังต้องมีการศึกษาวิจัยต่อไป
- โรคหอบหืด การศึกษาวิจัยระบุว่า การใช้ยาอะเซตามิโนเฟนระหว่างตั้งครรภ์อาจเชื่อมโยงกับการเป็นโรคหอบหืดในเด็ก และแน่นอน ต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อหาคำตอบเกี่ยวกับผลข้างเคียงที่เกิดจากการใช้ยาชนิดนี้ หรือปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น อาการป่วยของมารดา หรืออาการที่เกิดขึ้นหลังจากได้รับการรักษาโดยใช้ยาอะเซตามิโนเฟน มีการศึกษาชิ้นหนึ่ง ผู้ศึกษาทำการติดตามเด็กกลุ่มหนึ่งเป็นระยะเวลา 6 ปีหลังคลอด พบว่าไม่มีความเชื่อมโยงกันระหว่างโรคหอบหืด กับการใช้ยาอะเซตามิโนเฟนของมารดาระหว่างตั้งครรภ์ ทว่าการศึกษาดังกล่าวยังถือว่าใช้ระยะเวลาติดตามผลสั้นเกินไป ในขณะที่อีกการศึกษาพบว่าการใช้ยาอะเซตามิโนเฟนระหว่างตั้งครรภ์ เพิ่มโอกาสที่ลูกจะเกิดมาเป็นหอบหืด ถึง 19 %
- อาการอัณฑะค้างในท้อง (ทองแดง) บางการศึกษาบ่งชี้ว่า การใช้ยาอะเซตามิโนเฟนนานติดต่อกันเกินกว่า 4 สัปดาห์ โดยเฉพาะช่วง 6 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ อาจส่งผลให้เด็กผู้ชายเกิดมาพร้อมกับอาการอัณฑะค้างในท้อง หรือลูกอัณฑะข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้างไม่ลงมาอยู่ในถุงอัณฑะ ในขณะที่งานวิจัยอีกชิ้น แทบจะไม่พบว่ายามีความสัมพันธ์กับการเกิดทองแดงแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญยังคงไม่เชื่อว่าความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นเหล่านี้เป็นสาเหตุที่ทำให้ต้องปฏิเสธการใช้ยาอะเซตามิโนเฟน แต่หากคุณแม่ต้องการบรรเทาอาการปวดใดๆ ก็ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากจำเป็นต้องใช้ยาเป็นประจำ และอาจดีกว่าหากใช้ยาให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ในระหว่างตั้งครรภ์ ที่สำคัญคือ ไม่ควรใช้ยาในปริมาณมากเกินกว่ากำกับไว้ฉลากยาหรือแพทย์แนะนำ เนื่องจากจะเป็นอันตรายต่อตับ ทั้งของคุณแม่เองและของลูกน้อยในครรภ์
นอกจากนี้ คุณแม่ควรปรึกษาแพทย์ทุกครั้งก่อนใช้ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ ดังต่อไปนี้
- ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen)
- นาพรอกเซน (Naproxen)
- แอสไพริน (Aspirin)
- โซเดียมซาลิไซเลต (Sodium Salicylate)
การพิจารณาการใช้ยาขึ้นอยู่กับอายุครรภ์และโรคประจำตัวของคุณแม่ด้วย เช่น หากคุณแม่เป็นโรคตับอักเสบชนิดเอ บี หรือซี แพทย์จะแนะนำให้ใช้ยาอะเซตามิโนเฟนวันละไม่เกิน 2 กรัม หรือ 4 เม็ดที่มีปริมาณยา 500 มิลลิกรัม/เม็ด ให้ใช้เพียง 1-2 วัน และหากมีภาวะตับแข็งรุนแรงระยะสุดท้ายละก็ ห้ามใช้ยาอะเซตามิโนเฟนโดยเด็ดขาด