รู้หรือไม่ว่า คนไทยป่วยเป็นโรคหัวใจสูงถึงเกือบ 433,000 คนต่อปี และมีอัตราการเสียชีวิตสูงถึง 20,855 คน ต่อปี หรือ ชั่วโมงละ 2 คน จากสถิตินี้จะเห็นว่า โรคหัวใจไม่ใช่เรื่องไกลตัว และทุกคนยังมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหัวใจได้ด้วย เนื่องจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตของคนในยุคปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหาร ความเครียด สภาพแวดล้อมที่มีมลพิษ สิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดโรคหัวใจได้ทั้งสิ้น ดังนั้นการตรวจเช็คความเสี่ยงโรคหัวใจอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม โดยหนึ่งในวิธีการตรวจที่มีประสิทธิภาพคือ การตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง Echo
การตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง Echo คืออะไร?
การตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง (Echocardiogram: Echo) หรือเรียกง่ายๆ ว่า การตรวจหัวใจแบบ Echo คือ การส่งคลื่นเสียงความถี่สูงที่ปลอดภัยต่อร่างกายเข้าไปยังบริเวณทรวงอก เมื่อคลื่นเสียงผ่านอวัยวะต่างๆ จะเกิดสัญญาณสะท้อนกลับ ระบบจะนำข้อมูลที่สะท้อนกลับนั้นไปประมวลผลเป็นภาพ ซึ่งจะแสดงรูปร่าง ขนาด การทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจ และลิ้นหัวใจได้ค่อนข้างชัดเจน
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
การตรวจหัวใจแบบ Echo นี้ นับว่ามีประโยชน์ในการประเมินการทำงานของหัวใจ สามารถบอกได้ว่ากล้ามเนื้อหัวใจหนาเท่าใด หัวใจโตหรือไม่ กล้ามเนื้อหัวใจบีบตัวดีหรือเปล่า จึงช่วยให้แพทย์สามารถวินิจฉัยโรค ตรวจหาความรุนแรง และติดตามผลการรักษาโรคหัวใจและหลอดเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคหัวใจแต่กำเนิด โรคลิ้นหัวใจพิการ โรคกล้ามเนื้อหัวใจพิการ โรคของเยื่อหุ้มหัวใจ
การตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง Echo เหมาะกับใคร?
การตรวจหัวใจแบบ Echo เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการดังนี้
- ผู้ที่มีอาการหอบ เหนื่อย หายใจลำบาก แน่นหน้าอก เจ็บหน้าอก
- ผู้ที่มีอาการหัวใจเต้นผิดปกติ ใจสั่น
- ผู้ที่มีอาการบวมตามร่างกาย ซึ่งสงสัยว่าอาจเกิดจากความผิดปกติของหัวใจ โดยโรคหัวใจที่ทำให้เกิดอาการบวมตามร่างกาย ได้แก่ โรคกล้ามเนื้อหัวใจ โรคลิ้นหัวใจ และโรคที่เยื่อหุ้มหัวใจ การตรวจหัวใจแบบ Echo จะช่วยบอกว่าอาการบวมนี้เกิดจากโรคหัวใจหรือไม่
เนื่องจากการตรวจหัวใจแบบ Echo เป็นการตรวจเฉพาะทาง ใช้วินิจฉัยโรคเชิงลึก ดังนั้นแม้ว่าผู้ป่วยจะมีอาการที่สงสัยว่าอาจป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับความผิดปกติของหัวใจ แพทย์ส่วนใหญ่จะไม่แนะนำให้ตรวจหัวใจแบบ Echo ในทันที แต่จะพิจารณาประวัติทางการแพทย์ของผู้ป่วย ตรวจร่างกาย ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG) เอกซเรย์ทรวงอกก่อน
หากพบว่ามีแนวโน้มเกิดความผิดปกติเกี่ยวกับการทำงานของหัวใจจริง จึงค่อยพิจารณาให้ผู้ป่วยเข้ารับการตรวจหัวใจแบบ Echo เพื่อวินิจฉัยโรคต่อไป
ทั้งนี้ผลการตรวจที่ได้จะมีประโยชน์ในการวินิจฉัยโรคที่เกิดจากการทำงานผิดปกติของหัวใจ เช่น การบีบตัวของหัวใจ การทำงานของลิ้นหัวใจ การไหลเวียนของเลือดในหัวใจ การเกิดลิ่มเลือดในหัวใจ ขนาดหัวใจผิดปกติ เป็นต้น
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
การตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง Echo มีกี่รูปแบบ?
การตรวจหัวใจแบบ Echo แบ่งออกเป็น 2 รูปแบบหลักๆ ดังนี้
- Transthoracic Echocardiogram (TTE) คือการทำ Echocardiogram ผ่านทางผนังหน้าอก เป็นการตรวจหัวใจแบบ Echo ประเภทที่นิยมมากที่สุด และเป็นวิธีมาตรฐาน เนื่องจากทำได้ง่าย สะดวก ไม่ต้องมีการเตรียมตัวที่ซับซ้อน และค่าใช้จ่ายในการตรวจไม่สูงนัก ภาพสะท้อนที่ได้สามารถให้รายละเอียดได้ดี
- Transesophageal Echocardiogram (TEE) คือการทำ Echocardiogram โดยการสอดกล้องทางปากสู่หลอดอาหาร เป็นการตรวจเพื่อบันทึกภาพของหัวใจจากด้านในของทางเดินอาหาร เนื่องจากทางเดินอาหารอยู่ด้านหลังของหัวใจ ทำให้การตรวจวิธีนี้ได้เห็นการเคลื่อนไหวของหัวใจด้านหลังได้ชัดกว่าการตรวจด้วยวิธี TTE ซึ่งตรวจจากหน้าอกด้านนอกเท่านั้น
แพทย์มักใช้ TEE ตรวจในกรณีที่สงสัยว่าผู้ป่วยมีโรคที่ส่วนด้านหลังหัวใจหรือส่วนที่อยู่ติดกับหลอดอาหาร ซึ่งการตรวจด้วยวิธีแรกให้ผลไม่ชัดเจน เช่น ในผู้ที่อ้วนหรือผนังหน้าอกหนามาก แต่การตรวจวิธีนี้จะตรวจเฉพาะในกรณีที่มีข้อบ่งชี้เท่านั้น ไม่ใช่การตรวจมาตรฐานเหมือนประเภทแรก เนื่องจากอาจเกิดอันตรายต่อหลอดอาหารได้ แต่ก็พบได้น้อยมาก (น้อยกว่า 0.5%)
ข้อดีของการตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง Echo
การตรวจหัวใจแบบ Echo ในรูปแบบ TTE มีข้อดีหลายประการ ดังนี้
- เป็นการตรวจที่ปลอดภัย ไม่ก่อให้เกิดอันตรายหรือความเจ็บปวดใดๆ ต่อร่างกาย
- ตรวจได้ในกลุ่มคนทุกเพศ ทุกวัย ตั้งแต่ทารกในครรภ์ไปจนถึงผู้สูงอายุ เพราะคลื่นเสียงความถี่สูงนี้มีคุณสมบัติสำคัญคือ ไม่ก่ออันตรายใดๆ ต่อเซลล์ ไม่ทำให้เซลล์กลายพันธุ์หรือเกิดการเจริญที่ผิดปกติจนกลายเป็นเซลล์มะเร็ง
- ไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงใดๆ ต่อร่างกาย บางรายอาจเกิดอาการแพ้เจลที่ใช้ทาบริเวณผิวหนัง แต่พบได้น้อยมาก
ส่วนการตรวจหัวใจแบบ Echo ในรูปแบบ TEE นั้น มีข้อดีดังนี้
- สามารถตรวจโครงสร้างของหัวใจและหลอดเลือดที่อยู่ด้านหลังของหัวใจ เช่น หัวใจห้องซ้ายบน ลิ้นหัวใจ ผนังกั้นห้องหัวใจ ได้ชัดเจนกว่าวิธี TTE
- ไม่มีข้อจำกัดด้านความอ้วน ไขมัน รูปร่างทรวงอกของผู้ป่วย เพราะเป็นการสอดกล้องลงไปที่หลอดอาหารโดยตรง โดยไม่ผ่านอวัยวะอื่นๆ กีดขวาง
ข้อจำกัดของการตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง Echo
การตรวจหัวใจแบบ Echo ในรูปแบบ TTE นับเป็นการตรวจมาตรฐานที่แพทย์นิยมทำในผู้ป่วยที่สงสัยว่าหัวใจมีการทำงานผิดปกติ แต่ก็มีข้อจำกัดเช่นกัน ดังนี้
- ตรวจดูได้เฉพาะโครงสร้างหัวใจ แต่จะไม่เห็นเส้นเลือดหัวใจ
- ผู้ที่อ้วนมาก ผอมมาก มีถุงลมโป่งพอง มีผนังหน้าอกหนา มีช่องระหว่างซี่โครงที่แคบ หรือผู้ป่วยที่มีผนังหน้าอกผิดรูป อาจทำให้ภาพที่ได้ไม่ชัดเจนและส่งผลทำให้แปลผลได้ลำบาก เนื่องจากไขมัน อากาศ หรือกล้ามเนื้อไปขัดขวางการทำงานของคลื่นเสียง
- เครื่องมือและอุปกรณ์การตรวจเป็นเทคโนโลยีขั้นสูง ทั้งยังเป็นการตรวจเฉพาะทางซึ่งต้องทำโดยแพทย์เฉพาะทางด้านโรคหัวใจเท่านั้น ทำให้การตรวจจำกัดอยู่เฉพาะโรงพยาบาลขนาดใหญ่ที่มีศูนย์โรคหัวใจและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจเท่านั้น
ส่วนการตรวจหัวใจแบบ Echo ในรูปแบบ TEE นั้น มีข้อจำกัดดังนี้
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
- เป็นการสอดกล้องสู่หลอดอาหาร ต้องมีการใช้ยาระงับปวด ยาแก้ปวด หรืออาจต้องใช้ยาสลบในขณะตรวจด้วย
- กรณีที่ผู้ป่วยมีปัญหาเกี่ยวกับการกลืน มีโรคบริเวณช่องคอ หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร โรคที่เกี่ยวเนื่องกับกระดูกสันหลังบริเวณคอ โรคที่เกี่ยวเนื่องกับภาวะการแข็งตัวของเลือด หรือกำลังรับประทานยาต้านการแข็งตัวของเลือด จำเป็นต้องแจ้งให้แพทย์ทราบล่วงหน้า เพราะอาจส่งผลกระทบต่อการตรวจด้วยวิธีนี้
- มีโอกาสพบภาวะแทรกซ้อนได้สูงกว่าการตรวจแบบ TTE เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ระคายเคืองบริเวณปากและลำคอ อึดอัด หายใจลำบาก อาจมีเลือดออกเล็กน้อย ชีพจรเต้นเร็วหรือช้าผิดปกติ
- ค่าใช้จ่ายในการตรวจสูงกว่าการตรวจแบบ TTE
การเตรียมตัวก่อนการตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง Echo
การตรวจหัวใจแบบ Echo ในรูปแบบ TTE นับว่ามีความปลอดภัยสูงมาก ผู้เข้ารับการตรวจจึงไม่ต้องเตรียมตัวล่วงหน้า ไม่ต้องงดน้ำหรืออาหารใดๆ แต่หากมีการรับประทานยาประจำใดๆ จำเป็นต้องแจ้งให้แพทย์ทราบล่วงหน้า เพราะฤทธิ์ยาอาจมีผลต่อการตรวจและการทำงานของหัวใจได้
ขณะที่การตรวจหัวใจแบบ Echo ในรูปแบบ TEE นั้นมีความซับซ้อนมากกว่า โดยจำเป็นต้องเตรียมตัวดังนี้
- งดอาหารและเครื่องดื่มอย่างน้อย 6 ชั่วโมงก่อนการตรวจ (สามารถจิบน้ำได้เพียงเล็กน้อย)
- ควรมีผู้ดูแลและพากลับบ้านหลังการตรวจ และห้ามขับรถเป็นเวลา 12 ชั่วโมง เพราะจะมีอาการง่วง มึนงง จากฤทธิ์ยาคลายกังวล
ขั้นตอนการตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง Echo
การตรวจหัวใจแบบ Echo ในรูปแบบ TTE มีขั้นตอนดังนี้
- เปลี่ยนเสื้อผ้าให้พร้อมสำหรับการตรวจ ผู้หญิงต้องถอดเสื้อชั้นในออก
- เจ้าหน้าที่จะให้ผู้ตรวจนอนบนเตียงราบ ตะแคงไปทางด้านซ้ายเล็กน้อย มือซ้ายพาดขึ้นบน
- เจ้าหน้าที่จะทำการติดอุปกรณ์เพื่อเฝ้าสังเกตคลื่นไฟฟ้าหัวใจไว้บริเวณทรวงอกเพื่อดูอัตราการเต้นของหัวใจ
- จากนั้นแพทย์จะใช้หัวตรวจทาด้วยเจลเย็นๆ ขยับไปมาบนผนังทรวงอก หัวตรวจจะสร้างคลื่นเสียง ซึ่งจะถูกแปลงเป็นภาพหัวใจให้เห็นบนจอรับสัญญาณ
- ผู้ป่วยควรหายใจออกและกลั้นไว้ช่วงสั้นๆ เป็นพักๆ เพราะอากาศในปอดอาจมีผลต่อความชัดเจนของภาพที่เห็น
- แพทย์จะใช้เวลาในการตรวจประมาณ 30-45 นาที ระหว่างการตรวจผู้ป่วยอาจรู้สึกถึงการกดของเครื่องมือ บนหน้าอกเล็กน้อย แต่ไม่ส่งผลกระทบร้ายแรงใดๆ
- หากผลที่ได้ไม่ชัดเจน สามารถตรวจซ้ำในวันเดียวกันได้โดยไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียง
ส่วนการตรวจหัวใจแบบ Echo ในรูปแบบ TEE มีขั้นตอนดังนี้
- เปลี่ยนเสื้อผ้าให้พร้อมสำหรับการตรวจ ผู้หญิงต้องถอดเสื้อชั้นในออก หากสวมใส่ฟันปลอมต้องถอดออกเช่นกัน
- เจ้าหน้าที่จะให้อมยาชาประมาณ 20 นาที แล้วจึงให้กลืนยา หลังจากนั้นอาจพ่นยาชาที่คอ ให้ยาคลายวิตกกังวล และให้ออกซิเจนร่วมด้วย
- แพทย์จะให้ผู้ป่วยนอนตะแคงซ้าย จากนั้นค่อยๆ สอดท่อเข้าทางปากจนถึงระดับที่ต้องการ อาจรู้สึกว่าแพทย์ขยับท่อไปมา แต่จะไม่รบกวนการหายใจ
- ขณะที่แพทย์ตรวจ เจ้าหน้าที่จะวัดชีพจร ความดันโลหิตและประเมินการหายใจร่วมด้วย เพื่อความปลอดภัยสูงสุด
- แพทย์จะใช้เวลาในการตรวจประมาณ 30-45 นาที
- หลังการตรวจ ไม่แนะนำให้รับประทานอาหารหรือดื่มน้ำร้อน-เย็นจัด จนกว่ายาชาจะหมดฤทธิ์ ซึ่งใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง
- หากมีอาการผิดปกติหลังการตรวจ เช่น เจ็บคอ เลือดออก หายใจลำบาก ควรแจ้งให้แพทย์ทราบทันที
ค่าใช้จ่ายในการตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง Echo
การตรวจหัวใจแบบ Echo ในรูปแบบ TTE มีให้บริการทั้งในโรงพยาบาลรัฐและเอกชนขนาดใหญ่ สำหรับโรงพยาบาลรัฐนั้น ราคาเริ่มต้นที่ครั้งละ 2,000 บาท ส่วนโรงพยาบาลเอกชนเริ่มต้นที่ 3,000-4,000 บาท ซึ่งบางโรงพยาบาลอาจนำการตรวจหัวใจแบบ Echo ในรูปแบบ TTE ไปรวมกับโปรแกรมตรวจหัวใจอื่นๆ ด้วย ซึ่งจะมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 7,000 บาทขึ้นไป ขึ้นอยู่กับรายการที่ตรวจ รวมทั้งค่าบริการทางการแพทย์และค่าบริการทางโรงพยาบาล
ขณะที่การตรวจหัวใจแบบ Echo ในรูปแบบ TEE นั้น สำหรับโรงพยาบาลรัฐ ราคาเริ่มต้นที่ครั้งละ 4,000 บาท ส่วนโรงพยาบาลเอกชนเริ่มต้นที่ 6,000-7,000 บาทขึ้นไป
หัวใจนับเป็นอวัยวะสำคัญในร่างกาย สำหรับผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่จะเป็นโรคหัวใจ เช่น ผู้ที่มีภาวะน้ำหนักเกิน เป็นโรคอ้วน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง ควรตรวจหัวใจอย่างสม่ำเสมออย่างน้อยปีละครั้ง หากพบความผิดปกติจะได้รีบวางแผนการรักษาได้ทัน เพื่อสุขภาพที่แข็งแรงของตัวคุณเอง
บทความที่เกี่ยวข้อง
การตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง Echo
รีวิว ตรวจเอคโค่ (ECHO) หัวใจ ที่ โรงพยาบาลพญาไท 2 | HDmall