ถึงแม้ว่าโรคอัลไซเมอร์เป็นโรคที่มักเกิดขึ้นกับผู้ป่วยอายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไป แต่บางครั้งโรคนี้ก็สามารถเกิดในคนอายุ 30-50 ปีได้เช่นกัน
โรคอัลไซเมอร์มักเกิดกับผู้ที่มีอายุมากกว่า 65 ปี แต่เมื่อพิจารณาผู้ที่ป่วยด้วยโรคนี้มากกว่า 5 ล้านคนในสหรัฐอเมริกา กลับพบว่ามีผู้ป่วยราว 5% (หรือ 200,000 คน) ที่เริ่มมีอาการตั้งแต่อายุก่อน 65 ปี และบางครั้งเริ่มมีอาการตั้งแต่ช่วงอายุ 30, 40 หรือ 50 ปี โรคอัลไซเมอร์ในกลุ่มผู้ป่วยอายุน้อยนี้มีผลต่อสมองแบบเดียวกันที่เกิดในผู้ป่วยที่อายุมากกว่า แต่เกิดจากสาเหตุที่ต่างกัน
ขนมปัง "ไร้แป้ง ไร้น้ำตาล อิ่มนาน ไปรตีนสูง" อยากคุมน้ำหนัก แบบไม่อด ต้องลอง พร้อมโปร 5 ฟรี 1
ซื้อผ่าน HD ประหยัดกว่า / ราคาพิเศษสำหรับ นศ. / ผ่อน 0% / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
สาเหตุของการเกิดโรคอัลไซเมอร์ในผู้ป่วยอายุน้อย
โรคอัลไซเมอร์เกิดขึ้นเมื่อเซลล์ประสาทภายในสมอง (neuron) หยุดทำงาน ไม่มีปฏิสัมพันธ์กับเซลล์ประสาทอื่นและตายในเวลาต่อมา ส่งผลให้เนื้อเยื่อสมองหดตัวลง ยังไม่มีคำอธิบายที่ชัดเจนว่าปรากฏการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่จากการศึกษาพบว่าสมองของผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์จะมีสะเก็ดอะไมลอยด์ ( amyloid plaque) จำนวนมาก (ซึ่งเป็นการสะสมโปรตีนที่ผิดปกติระหว่างเซลล์ประสาท) และมีเส้นใยประสาทที่ยุ่งเหยิง (เกิดการพันกันของสารโปรตีนที่ชื่อ tau) ผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์ที่อายุน้อยส่วนมากเกิดจากการกลายพันธุ์ที่ผิดปกติของยีน 1 ใน 3 ตัวต่อไปนี้ ได้แก่ APP, PSEN1 หรือ PSEN2 การกลายพันธุ์ของยีน 3 ตัวดังกล่าวคือ APP, PSEN1 หรือ PSEN2 ทำให้เกิดการผลิตสารตั้งต้นของ amyloid (amyloid precursor proteins : APP) ที่ผิดปกติ คือ โปรตีน presenilin-1 หรือ presenilin-2 ตามลำดับ เชื่อว่าการกลายพันธุ์นี้นี้มีส่วนในการสลาย APP ซึ่งทำให้เกิดเป็นสะเก็ดอะไมลอยด์ (amyloid plaque) หากพ่อหรือแม่แท้ๆ ของคุณมีการยีนที่กลายพันธุ์เหล่านี้อยู่ จะทำให้คุณมีโอกาส 50% ที่จะได้รับยีนกลายพันธุ์นี้ และหากคุณมียีนนี้ คุณจะมีโอกาสสูงมากในการเกิดโรคอัลไซเมอร์ตั้งแต่อายุน้อย อ้างอิงจากสถาบันผู้สูงอายุแห่งชาติ (National Institute on Aging) และเรายังคงไม่ทราบสาเหตุอื่น ๆ ที่ทำให้เกิดโรคอัลไซเมอร์ในผู้ป่วยอายุน้อย ที่ไม่ได้เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของยีน
อาการของโรคอัลไซเมอร์ในผู้ป่วยอายุน้อย
อาการของโรคอัลไซเมอร์ในผู้ป่วยอายุน้อยประกอบด้วย
- สูญเสียความทรงจำอย่างชัดเจน เช่นลืมเรื่องที่เพิ่งเรียนหรือวันและเหตุการณ์สำคัญ
- มีความยากลำบากในการวางแผนหรือแก้ปัญหา ซึ่งรวมถึงการทำงานเกี่ยวกับตัวเลขหรือการทำตามสูตรต่าง ๆ
- มีปัญหากับการทำงานหรือกิจกรรมที่คุ้นเคย
- ลืมวัน ช่วงเวลา สถานที่หรือวิธีการที่ไปถึงสถานที่นั้น
- มีปัญหาเกี่ยวกับสายตา เช่นมองภาพมุมลึก, การแยกความแตกต่างของสี หรือการอ่านลำบากขึ้น
- มีปัญหาด้านภาษา เช่นไม่สามารถระบุหรือใช้คำที่เหมาะสมในระหว่างการสนทนา
- วางของผิดที่ และไม่สามารถกลับมาหาของเหล่านั้นได้
- มีการตัดสินใจที่แย่ลง โดยเฉพาะเมื่อเกี่ยวกับการเงิน
- มีการแยกตัวจากสังคมหรือการทำงาน
- มีอารมณ์หรือบุคลิกภาพเปลี่ยนแปลง
เมื่อเวลาผ่านไป อาการเหล่านี้จะรุนแรงมากขึ้น จนถึงขั้นที่คุณต้องการความช่วยเหลือในการทำกิจวัตรประจำวัน (เช่นอาบน้ำหรือแต่งตัว) ไม่สามารถสื่อสารให้เข้าใจได้ และไม่สามารถจดจำคนที่รักได้
การวินิจฉัยและการรักษา
การวินิจฉัยโรคอัลไซเมอร์มาจาก
- ประวัติการรักษาและประวัติครอบครัว ซึ่งรวมถึงประวัติเกี่ยวกับความจำ พฤติกรรมและความเปลี่ยนแปลง
- การตรวจร่างกายและการตรวจระบบประสาทด้านความจำ ทักษะด้านภาษา การแก้ปัญหาหรือทักษะอื่นๆ เกี่ยวกับความทรงจำที่เปลี่ยนไป
- ข้อมูลจากครอบครัวและเพื่อนเกี่ยวกับความเปลี่ยนแปลงในกิจวัตรประจำวันหรือพฤติกรรม
- การตรวจอื่น เช่นการเอกซเรย์สมองเพื่อตัดสาเหตุอื่นที่อาจทำให้เกิดอาการดังกล่าวได้ (เช่น อาการสมองขาดเลือด (stroke) หรือเนื้องอกในสมอง)
มียาบางตัวที่สามารถช่วยผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์ให้สามารถคงความทรงจำและควบคุมอาการได้ชั่วคราว เช่น
- Aricept (donepezil)
- Exelon (rivastigmine)
- Razadyne (galantamine)
- Namenda (memantine)
- Namzaric (donepezil and memantine)
รายงานเรื่อง Alzheimer’s & Dementia ปี 2014 ได้กล่าวว่าประสิทธิภาพของยาเหล่านี้ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล แต่ยาเหล่านี้ไม่สามารถหยุดยั้งการทำงานที่ผิดปกติหรือการตายของเซลล์ประสาทได้ การรักษาด้วยวิธีอื่น เช่น การใช้ยาตัวอื่น อาจช่วยรักษาพฤติกรรมหรือปัญหาด้านจิตใจที่เกี่ยวเนื่องกับโรคอัลไซเมอร์ เช่น ภาวะซึมเศร้า วิตกกังวล นอนไม่หลับ หรือกระสับกระส่าย ได้ นอกจากนั้นยังมีงานวิจัยบางฉบับที่เสนอว่าการฝึกความจำ การกระตุ้นความจำ และการฝึกการทำกิจวัตรประจำวันอาจช่วยผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์บางคนให้สามารถคงความจำไว้ได้