แม้จะพบได้ยากกว่าในวัยผู้ใหญ่ แต่โรคมะเร็งในวัยเด็กและเยาวชนก็สามารถทำให้เกิดอาการและอาการแสดงซึ่งกระทบต่อชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก ต้องได้รับการรักษาและอาจเกิดผลข้างเคียงต่าง ๆ ได้เช่นกัน
บทนำ
โดยทั่วไป การเกิดโรคมะเร็งในวัยเด็กและเยาวชนนั้นเป็นเรื่องที่พบได้ยาก โดยวัยรุ่นและผู้ใหญ่ตอนต้นก็สามารถพัฒนาโรคมะเร็งชนิดที่พบได้บ่อยในวัยเด็กได้เช่นกัน แม้ว่าโรคมะเร็งดังกล่าวนั้น บางครั้งจะพบได้บ่อยในผู้ใหญ่ได้มากกว่า
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
อาการของโรคมะเร็งในวัยเด็กและเยาวชน
เมื่อเด็กหรือเยาวชนเกิดอาการแสดงต่างๆที่อาจมาจากมะเร็ง พวกเขาควรเข้าตรวจที่โรงพยาบาลโดยแพทย์ประจำตัวเพื่อทำการตรวจทดสอบภาวะต่าง ๆ โดยแต่ละคนจะมีอาการและอาการแสดงที่แตกต่างกัน แต่ก็เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องจำไว้ว่าหากเกิดอาการดังต่อไปนี้ขึ้น ไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องเป็นมะเร็งเสมอไป
อาการและอาการแสดงหลักของโรคมะเร็งที่ควรระวังในวัยเด็ก ได้แก่:
- อาการปวดที่ไม่หายไป หรือไม่ทุเลาอย่างรวดเร็ว
- ก้อนเนื้อหรือเกิดการบวม
- เหงื่อออกมากขึ้นกว่าปกติ
- ปวดศีรษะ หรือวิงเวียนศีรษะอยู่เสมอ
- น้ำหนักลดอย่างกะทันหัน
- ความเมื่อยล้าอ่อนเพลีย
- ช้ำตามตัวหรือเลือดออกโดยไม่มีสาเหตุ
หากคุณหรือบุตรหลานของคุณกำลังประสบกับอาการใด ๆ ดังกล่าว สิ่งแรกที่ควรทำคือพาพวกเขาไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของคุณซึ่งอาจตัดสินใจที่จะทำการตรวจแบบต่าง ๆ เช่นตัวอย่างดังต่อไปนี้เพื่อตรวจหาว่ามะเร็งมีอยู่ในร่างกายหรือไม่ และหากเป็นก็เพื่อทราบว่ามะเร็งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นมะเร็งชนิดใด
การตรวจที่ใช้ในการวินิจฉัยโรคมะเร็ง ได้แก่:
- การตรวจชิ้นเนื้อ (biopsy) ซึ่งเนื้อเยื่อเล็ก ๆ จะถูกตัดหรือหยิบออกจากร่างกายและนำมาตรวจสอบภายใต้กล้องจุลทรรศน์
- การตรวจเลือด
- การสแกนชนิดต่าง ๆ เช่น การสแกนกระดูก (Bone scan) การสแกนอัลตราซาวด์ (Ultrasound)
- การเจาะน้ำไขสันหลัง (Lumbar puncture) ซึ่งทำโดยการดูดเอาที่ตัวอย่างของเหลวรอบ ๆ ไขสันหลังมาตรวจ
- การถ่ายภาพรังสีเอกซ์เรย์
การรักษาโรคมะเร็งในเด็กและเยาวชน
ผู้เชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ จะทำงานร่วมกันเป็นทีมเพื่อให้การดูแลที่ดีที่สุดแก่ผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็ง ผู้ป่วยบางรายอาจได้รับการรักษาหลายอย่างทั้งหมดในโรงพยาบาลเดียวกัน ขณะที่ผู้ป่วยรายอื่น ๆ อาจได้รับการดูแลจากโรงพยาบาลมากกว่าหนึ่งแห่งขึ้นอยู่กับว่าต้องการการรักษาอะไรบ้างสำหรับสภาวะโรคของพวกเขา
การรักษาโรคมะเร็งมีหลายรูปแบบ โดยการรักษาที่คุณจะได้รับมักขึ้นอยู่กับชนิดของเซลล์มะเร็งที่คุณมีและอยู่ในร่างกาย วัยรุ่นบางคนหรือคนหนุ่มสาวที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งบางชนิดสามารถตอบสนองต่อการรักษาซึ่งออกแบบมาเพื่อผู้ป่วยอายุน้อยได้ดีกว่าการรักษาอื่นที่ออกแบบมาสำหรับผู้ใหญ่
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
คุณจะได้รับการรักษาอย่างน้อยในรูปแบบหนึ่งรูปแบบหนึ่ง เช่น การผ่าตัด หรือคุณอาจได้รับการรักษามากกว่าหนึ่งประเภทสำหรับการวินิจฉัยโรคมะเร็งของคุณ เช่น การผ่าตัดร่วมกับรังสีรักษา แพทย์ของคุณจะปรึกษาและชี้แจงเกี่ยวกับแนวทางการรักษาที่เหมาะสมสำหรับคุณและสภาวะร่างกายของคุณ
ประเภทการรักษามะเร็งหลัก ๆ ได้แก่:
- การผ่าตัด - กระบวนการเพื่อกำจัดบางส่วนของมะเร็ง หรือกำจัดมะเร็งออกทั้งหมด
- เคมีบำบัด (Chemotherapy) - เป็นการใช้สารเคมีหรือยาเพื่อฆ่าเซลล์มะเร็ง
- รังสีรักษา (Radiotherapy) - เป็นการรักษาที่เกี่ยวข้องกับการใช้รังสีที่มีพลังงานสูง
- การฝังแร่กัมมันตรังสี (Brachytherapy) - เป็นชนิดหนึ่งของรังสีรักษาฝังภายในร่างกาย
- การปลูกถ่ายไขกระดูก (Bone marrow transplant) - เป็นการทดแทนความเสียหายต่อไขกระดูกด้วยไขกระดูกที่มีสุขภาพดีและทำการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิด หรือสเต็มเซลล์ ซึ่งเป็นเทคนิคที่ใช้ในการฟื้นฟูเซลล์เม็ดเลือดของผู้ป่วยหลังจากที่ได้รับความเสียหายจากการรักษาด้วยเคมีบำบัดหรือรังสีรักษา
- การให้ยาเจาะจงเซลล์มะเร็ง (Targeted therapy) - เป็นการขัดขวางการทำงานของโมเลกุลเฉพาะที่ควบคุมการเติบโตของเซลล์มะเร็ง
การเข้าพบแพทย์เพื่อตรวจหรือรักษามะเร็ง
การไปโรงพยาบาลอาจเป็นเรื่องที่น่ากลัว แต่ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ซึ่งรับผิดชอบในการดูแลคุณจะคอยแจ้งข้อมูล พูดคุย และตอบคำถามต่าง ๆ ให้กับคุณและครอบครัวของคุณรวมถึงหารือเกี่ยวกับแผนการรักษากับคุณตลอดจนข้อกังวลอื่น ๆ ที่คุณมี ขึ้นอยู่กับการรักษาที่คุณต้องการคุณอาจมีผู้เชี่ยวชาญหลายคนที่เกี่ยวข้องกับการดูแลของคุณ
ผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ได้แก่ แพทย์ พยาบาล และผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพอื่น ๆ ซึ่งคุณถูกส่งตัวไปซึ่งสามารถช่วยบรรเทาผลข้างเคียงของโรคและการรักษา เช่น:
- ผู้เชี่ยวชาญด้านการพูดและภาษา (Speech and language therapist) เป็น ผู้เชี่ยวชาญที่คอยช่วยเหลือและสนับสนุนเด็กและเยาวชนที่ประสบปัญหาด้านภาษาพูดและการสื่อสาร
- นักกิจกรรมบำบัด (Occupational therapist) ซึ่งช่วยผู้ป่วยโดยการคิดวิธีหรือกลยุทธ์เพื่อช่วยแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน เช่น การทานอาหาร หรือการดื่มน้ำ
- นักกายภาพบำบัด (Physiotherapist) ช่วยให้ผู้ป่วยมีความสามารถทางกายภาพ หรือแรงกายที่เหมาะสมโดยการให้การฟื้นฟูสมรรถภาพ ฝึกการออกกำลังกาย ให้คำแนะนำและการสนับสนุนที่เฉพาะเจาะจงกับภาวะของผู้ป่วย
ผลข้างเคียงจากการรักษาโรคมะเร็งในเด็กและเยาวชน
เด็กและเยาวชนสามารถได้รับผลข้างเคียงจากการรักษามะเร็งได้เช่นกัน โดยปกติ อาการข้างเคียงดังกล่าวจะเกิดขึ้นไม่นานและหายไปหลังจากการรักษาสิ้นสุดลง แม้หนุ่มสาวบางคนก็ยังอาจได้รับผลกระทบระยะยาว (Late effects) ซึ่งเป็นผลข้างเคียงที่สามารถกินเวลาได้หลายเดือนหรือหลายปีหลังจากการรักษาสิ้นสุดลง
ปัญหาด้านร่างกายและอารมณ์ในผู้ป่วยมะเร็งวัยเด็กและเยาวชน
โรคมะเร็งอาจส่งผลกระทบต่อเด็ก วัยรุ่นและเยาวชนในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย ปัญหาทางจิตวิทยา และปัญหาในเรื่องความคิดและการตัดสินใจ การวินิจฉัยโรคมะเร็งสามารถทำให้เกิดความกังวล เกิดความเครียด และอาจทำให้เกิดภาวะซึมเศร้าได้ทั้งในกลุ่มเด็กและเยาวชน เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องมีใครบางคนรับฟังหรือคอยให้คำแนะนำเมื่อประสบกับความวิตกกังวล หรือความเครียด ซึ่งอาจเป็นเพื่อนของคุณ ครอบครัว หรือแพทย์ประจำตัวของคุณ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
วัยเด็กนั้นมักต้องการการดูแลและสนับสนุนที่แตกต่างกับวัยรุ่นและเยาวชน ความรู้สึกแย่ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเช่น ความวิตกกังวล หรือความโดดเดี่ยวสามารถช่วยได้ด้วยบุคคลหรือวิธีการดังต่อไปนี้:
- พยาบาลเชี่ยวชาญด้านคลินิกซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในการดูแลผู้ป่วยโรคมะเร็งในวัยเด็กและสามารถช่วยอธิบายว่าควรคาดหวังอะไรเมื่อทำการสแกนหรือรักษาต่าง ๆ
- แพทย์และพยาบาลซึ่งสามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับสภาวะของโรค การรักษาที่เหมาะสม และผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นของการรักษา
- ผู้เชี่ยวชาญกิจกรรมเด็ก (Play specialist) ซึ่งทำงานในหอผู้ป่วยและแผนกผู้ป่วยเด็กคอยสนับสนุนเด็ก และกระตุ้นให้พวกเขาเกิดกลไกการเผชิญปัญหาซึ่งช่วยในการบรรเทาความกลัว และความกังวลของพวกเขาลง
- ครอบครัวเป็นพื้นฐานที่สำคัญและมีอิทธิพลต่อจิตใจผู้ป่วยเป็นอย่างมาก ซึ่งสมาชิกในครอบครัวควรเข้มแข็ง อบอุ่น มองโลกในแง่ดี และสนับสนุนผู้ป่วยอย่างเต็มที่ พี่น้องมักมีบทบาทสำคัญในการลดความวิตกกังวลที่รู้สึกโดยพี่ชายหรือน้องสาวซึ่งป่วยอยู่
- นำของเล่นที่พวกเขาชื่นชอบ หนังหรือการ์ตูนที่ชอบ หรือคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ตไปพร้อมกับการนัดหมายหรือเวลาต้องนอนในโรงพยาบาล
แจ้งโรงเรียนเกี่ยวกับโรคเพื่อชดเชยการขาดเรียน
แจ้งครูใหญ่หรือครูประจำชั้นของโรงเรียนให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เพื่อช่วยให้พวกเขาทำงานร่วมกับโรงพยาบาลหาทางให้เด็กและวัยรุ่นสามารถเรียนรู้จากโรงเรียนเท่าที่สามารถทำได้ โรงพยาบาลเด็กบางแห่งมีครูของตัวเองที่สามารถช่วยในการทำการบ้าน เพื่อนในชั้นเรียนอาจสามารถมาเยี่ยมและสอนการบ้านให้กับผู้ป่วยเด็กได้เช่นกัน
พนักงานให้ความช่วยเหลือด้านเยาวชนและนักสังคมสงเคราะห์ที่ทำงานภายในโรงพยาบาลสามารถช่วยให้ข้อมูล คำแนะนำ และการสนับสนุนแก่ผู้ป่วยและครอบครัว ผู้ป่วยอาจได้รับประโยชน์มากขึ้นจากข้อมูลด้านการเงิน ผลประโยชน์ การดูแลเด็ก ที่อยู่อาศัย และมูลนิธิการกุศลต่าง ๆ เพื่อผู้ป่วยเด็กและเยาวชนจากแผนกดังกล่าว
https://www.nhsinform.scot/illnesses-and-conditions/cancer/cancer-in-children-and-young-people