July 20, 2019 11:08
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
หมอขอทราบข้อมูลเพิ่มเติมอีกเล็กน้อยเพื่อให้สามารถให้ข้อมูลได้อย่างถูกต้องนะครับ
1. รับประทานยาอะไรเพื่อเลื่อนประจำเดือน
2. รับประทานยาเลื่อนประจำเดือนถึงวันที่เท่าไหร่
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
พิชญาพร กูลนุวัฒน์ (พญ.)
สวัสดีค่ะ
การทานยาเลื่อนประจำเดือนนั้น ไม่ใช่ยาคุมกำเนิดค่ะ
อีกทั้งการทานยาของผู้ถาม ไม่ถูกต้อง ทำให้เกิดความสับสนได้ค่ะ
>> การทานยาเลื่อนประจำเดือนที่ถูกต้องนั้น คือ รับประทาน 1 เม็ด วันละ 2 - 3 ครั้ง (พิจารณาตามน้ำหนัก) โดยจะเริ่มใช้ยาก่อนวันที่จะคาดว่าจะมีประจำเดือนมาเป็นวันแรกอย่างน้อย 3 วัน และรับประทานต่อไปเรื่อยๆ หากต้องการให้ประจำเดือนมาให้หยุดรับประทานยา
สำหรับการมีเพศสัมพันธ์ โดยการสวมถุงยางอนามัย อย่างถูกต้อง ไม่รั่วซึม มีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 2-15 % ค่ะ
กรณีนี้ แนะนำให้รอประจำเดือนมา หรือ จะตรวจการตั้งครรภ์ได้ ด้วยปัสสาวะในตอนเช้า หลังมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้าย 14 วัน (กรณีนี้คือเช้าวันที่ 27 เป็นต้นไป) จึงจะให้ผลเชื่อถือได้ค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ขออภัยที่พิมพ์ไม่ชัดเจนนะคะ
1. รับประทานยา primolut-n ค่ะ
2. เริ่มรับประทานยาเย็นวันที่ 12 ถึง เย็นวันที่ 13 ค่ะ มีเพศสัมพันธ์ในวันที่ 14
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ตอบโดย
พิชญาพร กูลนุวัฒน์ (พญ.)
รอบเดือนปกติของสตรีวัยเจริญพันธุ์นั้น อยู่ที่ 28-35 วันค่ะ
การที่ประจำเดือนคลาดเคลื่อนไปไม่กี่วันนั้นมีปัจจัยได้หลายอย่างค่ะ ทั้งจากตัวผู้ป่วยเอง การพักผ่อนไม่เพียงพอ ความเครียด ความกังวล การตกไข่ไม่สม่ำเสมอ ผลข้างเคียงจากการรับประทานยาอื่น น้ำหนักตัวมากหรือน้อยเกินไป ฮอร์โมนในเลือดผิดปกติ การออกกำลังอย่างหนัก ล้วนแต่ทำให้ประจำเดือนคลาดเคลื่อนได้
ซึ่งในกรณีของผู้ถาม ประจำเดือนมีโอกาสในการมาช้า จากการทานยาดังกล่าวได้ค่ะ
หากประจำเดือนขาดไป สามารถตรวจได้เองจากปัสสาวะหลังจากมีการปฏิสนธิ 14 วันค่ะ ความผิดพลาดมีไม่เกิน 1% หากตรวจครรภ์เร็วเกินไป จะให้ผลลบลวงได้จึงควรตรวจซ้ำที่ 14 วันหลังการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
โดยปกติแล้วหลังรับประทานยาเลื่อนประจำเดือนประจำเดือนควรจะมาภายในเวลาไม่เกิน 7 วันหลังหยุดยาครับ ถ้าหากประจำเดือนไม่มาภายในช่วงเวลานี้ก็อาจจะเกิดจากความผิดปกติบางอย่างได้ เช่น มีการตกไข่ที่ล่าช้า ความผิดปกติของฮอร์โมนในร่างกาย ความเครียด ความเจ็บป่วยบางอย่าง
ในกรณีนี้โอกาสตั้งครรภ์ยังมีไม่มากเนื่องจากได้มีการใช้ถุงยางอนามัยในระหว่างที่มีเพศสัมพันธ์แล้วโอกาสที่จะผิดพลาดตั้งครรภ์ก็มีเพียง 2% เท่านั้นครับ
แต่ถ้าหากต้องการความมั่นใจหมอก็แนะนำให้ลองตรวจจการตั้งครรภ์ดูก่อน โดยให้ตรวจห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจ ก็จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 97-99% ครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
สวัสดีค่ะ หนูอยากจะปรึกษาเกี่ยวกับการทานยาเลื่อนประจำเดือน ปกติแล้วหนูมักมีประจำเดือนมาในวันที่ 10-12 ค่ะ แต่ในเดือนนี้หนูได้ทานยาเลื่อนประจำเดือนในเย็นวันที่ 12 และ เช้า-เย็น วันที่ 13 และมีเพศสัมพันธ์กับแฟนโดยใส่ถุงยาง และในวันนี้วันที่ 20 ประจำเดือนยังไม่มา จะท้องไหมคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)