สวัสดีค่ะ หมอคะ พอดีหนูมีอะไรกับแฟน พอเสร็จกิจพบว่าถุงมันรั่ว แต่แตกตอนเอาออกพอดี จากนั้นก็รีบไปซื้อยาคุมฉุกเฉน ทานภายใน24 ชม. กิน2เม็ด หลังจาก1 อาทิตย์​ประจำ​เดือน​มาปกติ แต่เดือนกรกฏา​คมประจำเดือน​หนูไม่มาค่ะ ตรวจการตั้งครรภ์​แล้ว ก็ไม่ท้องค่ะ คุณหมอ​มีคำแนะนำ​ไหมค่า

หากไม่มีการตั้งครรภ์ ผู้ใช้ยาคุมฉุกเฉินส่วนใหญ่จะมีประจำเดือนมาตรงตามรอบปกติเดิม หรือคลาดเคลื่อนเพียงไม่กี่วันค่ะ โดยประจำเดือนปกติควรจะมีปริมาณมากจนชุ่มผ้าอนามัย 2 - 3 แผ่น/วัน และมาต่อเนื่องกัน 3 - 7 วันนะคะ

ส่วนเลือดที่เป็นผลข้างเคียงจากยาคุมฉุกเฉิน เป็นเพียงหยดเลือดซึมหรือเลือดกะปริบกะปรอย ไม่ได้มามากจนชุ่มผ้าอนามัย อาจพบภายใน 7 วันหลังรับประทาน หรืออาจไม่พบเลยก็ได้ ไม่ได้สำคัญอะไร และไม่ได้บ่งชี้ว่าจะตั้งครรภ์หรือไม่ตั้งครรภ์ค่ะ
..
..
..
ดังนั้น หากเลือดที่ออกมาหลังรับประทานยาคุมฉุกเฉิน มีปริมาณมากจนชุ่มผ้าอนามัย 2 - 3 แผ่น/วัน และมาต่อเนื่องกัน 3 - 7 วัน โดยเฉพาะถ้ามาตรงตามรอบประจำเดือนเดิม หรือคลาดเคลื่อนไม่มาก ก็น่าจะเป็นประจำเดือนจริง ๆ ค่ะ

ซึ่งเมื่อมีประจำเดือนมาแล้ว ก็หมายถึงการมีเพศสัมพันธ์ก่อนหน้านั้นไม่ได้ทำให้ตั้งครรภ์แล้วนะคะ

แต่ถ้าเลือดที่ออกมาเป็นเพียงหยดเลือดซึม หรือเลือดกะปริบกะปรอย ไม่ได้มามากจนชุ่มผ้าอนามัย ก็น่าจะเป็นเพียงผลข้างเคียงจากยาค่ะ จึงยังสรุปไม่ได้ว่าจะตั้งครรภ์หรือไม่

หากไม่มีประจำเดือนมา หรือถ้าไม่มั่นใจและกังวลว่าจะตั้งครรภ์ ก็ควรตรวจการตั้งครรภ์เพื่อความชัดเจนนะคะ
..
..
..
และหากผู้ถามตรวจการตั้งครรภ์ด้วยตนเอง โดยใช้ชุดทดสอบถูกวิธีตามที่ระบุไว้ในฉลาก และตรวจในเวลาที่เหมาะสม คือ ในตอนเช้าหลังตื่นนอน ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วัน เมื่อได้ผลตรวจออกมาเป็น 1 ขีด ก็เชื่อมั่นได้มากกว่า 99% (หรือตามที่ชุดทดสอบที่ใช้ให้การรับรอง) ว่าไม่มีการตั้งครรภ์ค่ะ

แต่ถ้าตรวจไม่ถูกวิธี หรือเวลาที่ตรวจไม่เหมาะสม แนะนำให้ตรวจใหม่ให้ถูกต้องนะคะ
..
..
..
และถ้าไม่มีประจำเดือนมาติดต่อกันตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไปทั้งที่ไม่ได้ตั้งครรภ์ หรือถ้ามีปัญหาประจำเดือนมาไม่ปกติอยู่เรื่อย ๆ ก็ควรไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติมหาสาเหตุที่แท้จริงและพิจารณาการรักษาที่เหมาะสมค่ะ

สาเหตุของการขาดประจำเดือน เป็นได้หลายสาเหตุครับ เช่น
- กำลังตั้งครรภ์อยู่ สามารถลองซื้อชุดทดสอบการตั้งครรภ์ทั่วไปมาลองตรวจดูด้วยตนเองได้ครับ
- กำลังให้นมบุตรอยู่
- ความเครียด
- การมีพังผืดในมดลูก (Asherman’s syndrome) มักจะสัมพันธ์กับประวัติเคยขูดมดลูกมาก่อน
- การมีระดับฮอร์โมนเพศชายที่สูงกว่าปกติ (Hyperandrogenism) มักสัมพันธ์กับการมีหน้ามัน สิวมาก มีขนขึ้นมากผิดปกติ เช่น โรค Polycystic ovarian syndrome
- การมีระดับฮอร์โมนเพศต่ำกว่าปกติ (Hypogonadism) เช่น รังไข่เสื่อม ไม่มีการตกไข่
- การเป็นโรคไทรอยด์
สาเหตุต่างๆที่ได้กล่าวไปเป็นเพียงตัวอย่างเท่านั้น ซึ่งการวินิจฉัยต้องอาศัยการซักประวัติ และตรวจร่างกายเพิ่มเติมครับ ดังนั้นแนะนำให้ไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลเพื่อตรวจและให้การรักษาครับ

1. ใช้ชุดตรวจการตั้งครรภ์ถูกวิธี และตรวจในตอนเช้าหลังตื่นนอน ห่างจากวันที่ถุงยางรั่วมาอย่างน้อย 14 วันหรือเปล่าคะ
2. หลังจากวันที่ถุงยางรั่ว ผู้ถามมีเพศสัมพันธ์อีกหรือไม่ ถ้ามี มีเมื่อไหร่และป้องกันอย่างไรคะ
3. ที่ผ่านมา มีประจำเดือนมาตรงเวลาสม่ำเสมอหรือไม่ อย่างไรคะ

ที่ผ่านมา มีประจำเดือนมาตรงเวลาสม่ำเสมอหรือไม่ อย่างไรคะ

ภายใน 6 เดือนที่ผ่านมา ผู้ถามมีประจำเดือนมาตรงเวลาสม่ำเสมอหรือไม่ อย่างไรคะ

ขอบคุณสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมค่ะ

ถ้าการตรวจตั้งครรภ์ทำได้อย่างถูกวิธี และตรวจในเวลาที่เหมาะสม เมื่อได้ผลตรวจออกมา 1 ขีด ก็เชื่อมั่นได้มากกว่า 99% ว่าเหตุการณ์ถุงยางรั่วในครั้งนั้นไม่ได้ทำให้ตั้งครรภ์นะคะ

ส่วนการมีเพศสัมพันธ์ในครั้งอื่น ๆ ถ้าใช้ถุงยางถูกต้องและไม่รั่วซึมหรือฉีกขาด ก็จะมีโอกาสตั้งครรภ์เพียงแค่ 2% ซึ่งถือว่าน้อยมากจนไม่น่าจะกังวลค่ะ (อย่างไรก็ตาม ไม่มีวิธีคุมกำเนิดใดที่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 100% นะคะ)

โดยทั่วไป ความเครียด, โรค/การเจ็บป่วย, ยาคุม/ฮอร์โมน หรือแม้แต่ความแปรปรวจของฮอร์โมนตามวัย อาจส่งผลให้ประจำเดือนคลาดเคลื่อนได้ค่ะ แต่ยาคุมฉุกเฉินมีผลกระทบน้อยมากต่อประจำเดือนในรอบถัดไป

ดังนั้น ถ้าผู้ถามมี "ประจำเดือน" มาในเดือนมิถุนายนแล้ว ไม่ใช่เป็นแค่เพียงเลือดกะปริบกะปรอยที่เป็นผลข้างเคียงจากยาคุมฉุกเฉิน การที่ประจำเดือนในเดือนกรกฎาคมไม่มาตามกำหนด ไม่น่าจะเป็นผลจากยาคุมฉุกเฉินที่ใช้นะคะ

ซึ่งหากกังวลเรื่องการตั้งครรภ์ (แม้จะเกิดขึ้นได้น้อยจากการใช้ถุงยางที่ถูกต้องและเหมาะสม) ก็สามารถตรวจการตั้งครรภ์ให้ชัดเจนได้ โดยใช้ชุดทดสอบการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะ ตรวจในตอนเช้าหลังตื่นนอน ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วันค่ะ

และหากผลตรวจออกมาเป็นไม่ตั้งครรภ์ เนื่องจากผู้ถามไม่มีประวัติประจำเดือนผิดปกติมาก่อน ก็แนะนำให้รอดูไปก่อนนะคะ

แต่ถ้าไม่มีประจำเดือนมาติดต่อกันตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไปทั้งที่ไม่ตั้งครรภ์ หรือแม้จะยังไม่ครบ 3 เดือนแต่ผู้ถามรู้สึกกังวลใจมาก ก็แนะนำให้ไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติมหาสาเหตุที่แท้จริง และพิจารณาแนวทางแก้ไขที่เหมาะสมค่ะ

การใช้ยาคุมรายเดือนในอดีตไม่ได้ทำให้ฮอร์โมนผิดปกติเมื่อหยุดใช้ค่ะ

แต่ถ้าผู้ถามมีปัญหาฮอร์โมนผิดปกติอยู่แล้ว แม้จะมีประจำเดือนมาตามรอบปกติในช่วงที่ใช้ยาคุมรายเดือน เมื่อหยุดใช้ก็อาจมีปัญหาเดิมได้อีก ถ้าสาเหตุที่แท้จริงของความผิดปกตินั้นยังไม่ได้รับการแก้ไขนะคะ

แต่ถ้าภายใน 6 เดือนที่ผ่านมาผู้ถามมีประจำเดือนมาตรงเวลาสม่ำเสมอ ทั้งที่ไม่ได้ใช้ยาคุมรายเดือนเลย ก็ไม่น่าจะมีปัญหาดังที่กล่าวมาค่ะ ในเบื้องต้น จึงควรตรวจการตั้งครรภ์ซ้ำเพื่อตัดความเป็นไปได้ในเรื่องของการตั้งครรภ์ออกไปก่อนนะคะ

และถ้าผลตรวจออกมาเป็นไม่ตั้งครรภ์ ก็สามารถรอดูไปก่อน หรือจะไปพบสูตินรีแพทย์เลยก็ได้เช่นกันค่ะ