May 27, 2019 22:25
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน หรือป้องกันด้วยวิธีที่มีประสิทธิภาพต่ำ ก็มีโอกาสตั้งครรภ์ได้สูงกว่าที่ควรจะเป็น เมื่อเทียบกับการป้องกันด้วยวิธีคุมกำเนิดมาตรฐานนะคะ
หากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกอยู่ในช่วง "หน้า 7 - หลัง 7" โดยทั่วไปถือว่ามีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 24% ค่ะ แต่ถ้าไม่ใช่ ก็จะมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ตามปกติ คือประมาณ 85% นะคะ
ส่วนการมีเพศสัมพันธ์ในครั้งต่อมา โดยใช้ยาคุมฉุกเฉินแทนวิธีคุมกำเนิดปกติ เนื่องจากยาคุมฉุกเฉินไม่ได้มีประสิทธิภาพสูงมาก แม้จะใช้ครบขนาดและทันเวลาก็ยังมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 15 - 25% จึงรับประกันไม่ได้ว่าใช้ยาคุมฉุกเฉินแล้วจะไม่ตั้งครรภ์นะคะ
แต่ถ้าไม่มีการตั้งครรภ์ ผู้ใช้ยาคุมฉุกเฉินส่วนใหญ่จะมีประจำเดือนมาตรงตามรอบปกติเดิม หรือคลาดเคลื่อนเพียงไม่กี่วัน โดยประจำเดือนปกติก็ควรจะมีปริมาณมากจนชุ่มผ้าอนามัย 2 - 3 แผ่น/วัน และมาต่อเนื่องกัน 3 - 7 วันนะคะ
ส่วนหยดเลือดซึมหรือเลือดกะปริบกะปรอยที่อาจพบภายใน 7 วันหลังรับประทาน เป็นเพียงผลข้างเคียงจากยาค่ะ ไม่ได้สำคัญอะไร อาจพบ หรืออาจไม่พบเลยก็ได้ และไม่ได้บ่งชี้ว่าจะตั้งครรภ์หรือไม่ตั้งครรภ์นะคะ
ดังนั้น แนะนำให้รอดูไปก่อนค่ะว่าจะมีประจำเดือนมาตามรอบปกติหรือไม่
แต่ถ้าไม่มีประจำเดือนมา หรือกังวลว่าจะตั้งครรภ์ สามารถตรวจการตั้งครรภ์ด้วยชุดทดสอบทางปัสสาวะ ในตอนเช้าหลังตื่นนอน (ปัสสาวะแรกของวัน) ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วัน (ซึ่งในกรณีของผู้ถามยังไม่ครบเวลานะคะ)
หากใช้ชุดทดสอบถูกวิธีตามที่ระบุไว้ในฉลาก และตรวจในเวลาที่เหมาะสมตามที่กล่าวไปข้างต้น ผลตรวจที่ออกมา 1 ขีดจึงจะเชื่อมั่นได้มากกว่า 99% ว่าไม่มีการตั้งครรภ์ค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่มีการป้องกันนั้นมีโอกาสที่จะผิดพลาดตั้งครรภ์ได้ง่าย แต่ถ้าได้รับประทานยาคุมฉุกเฉินไปแล้วโอกาสตั้งครรภ์ก็จะลดลงไปได้ 75-85% ครับ
อย่างไรก็ตามการตรวจการตั้งครรภ์ที่จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้นั้นจะต้องเป็นการตรวจที่ห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจ จึงจะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 97-99% ครับ
ดังนั้นถ้าหากได้มีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายในวันที่ 15 พฤษภาคม ก็จะเริ่มตรวจการตั้งครรภ์ได้โดยใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้าของวันที่ 29 พฤษภาคมเป็นต้นไปครับ ส่วนการตรวจการตั้งครรภ์ที่ผ่านมานั้นก็ยังมีโอกาสที่จะให้ผลตรวจที่ผิดพลาดมากได้อยู่ ซึ่งหมอก็แนะนำให้ลองตรวจการตั้งครรภ์ใหม่ในเวลาที่เหมาะสมอีกครั้งครับ
ถ้าหากตรวจการตั้งครรภ์อย่างถูกต้องแล้วไม่พบการตั้งครรภ์ ประจำเดือนก็อาจมาช้าได้จากสาเหตุอื่นๆ เช่น
- ไม่มีการตกไข่ในรอบเดือนที่ผ่านมา
- ระดับฮอร์โมนในเลือดที่ผิดปติ
- ภาวะมีถุงน้ำหลายใบในรังไข่ (PCOS)
- ต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ
- การออกกำลังกายอย่างหักโหม
- น้ำหนักตัวที่มากหรือน้อยเกินไป
- ความเครียด
ซึ่งในกรณีนี้ก็อาจรอประจำเดือนต่อไปก่อนได้อีกระยะหนึ่ง แต่ถ้าหากประจำเดือนขาดหายไปนานกว่า 3 เดือนหรือมีปัญหาประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมออยู่บ่อยๆก็ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
คือ หนูมีอะไรกับแฟนหลังประจำเดือนหยุด 1 วัน วันที่ 30/4/62 แล้ววันที่ 15/5/62 มีอะไรกันอีก แล้วแฟนหนูปล่อยในไป หนูกินยาคุมฉุกเฉินค่ะ แล้วกินยาสตรีเบนโลไป จนวันนี้วันที่ 28 ประจำเดือนยังไม่มาเลยค่ะ ตรวจก็แล้วมันขึ้นขีดเดียว แบบนี้หนูมีโอกาสท้องไหมค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)