May 01, 2019 12:45
ตอบโดย
วชิรวิทย์ สุทธิศักดิ์ (แพทย์ทั่วไป) (นพ.)
ถ้าไม่ได้ใส่ถุงยาง ครั้งนี้ถ้าจำเป็นก็ต้องกินครับ
แต่อาจเพิ่มความเสี่ยงของอาการข้างเคียงจากยา เช่น คลื่นไส้ อาเจียน เจ็บเต้านม เลือดประจำเดือนแปรปรวน หรือมีเลือดออกผิดปกติ
รวมทั้งส่งผลเปลี่ยนแปลงเยื่อบุโพรงมดลูกเพื่อทำให้ยากแก่การฝังตัวของไข่ที่ผสมกับอสุจิแล้ว การรับประทานยาคุมฉุกเฉินไม่ได้มีผลป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 100% แต่เป็นการไปลดโอกาสตั้งครรภ์ลงจากเดิม ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินหากรับประทานยาเม็ดแรกภายใน 72 ชั่วโมง หลังการมีเพศสัมพันธ์ตามด้วยยาเม็ดที่สอง จะให้ประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 75% แต่หากเริ่มยาเม็ดแรกภายใน 24 ชั่วโมง หลังการมีเพศสัมพันธ์ จะให้ประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์เพิ่มขึ้นเป็น 85% ดังนั้นจึงควรรับประทานยาเม็ดแรกหลังการมีเพศสัมพันธ์ให้เร็วที่สุด )
หลังรับประทานยาคุมฉุกเฉินจะมีเลือดออกทางช่องคลอดได้ ประมาณ ภายใน1 สัปดาห์หลังกินยา ซึ่งไม่ใช่เลือดประจำเดือน (อาจจะมากระปริบกระปรอย หรือ ไม่มีก็ได้ครับ)
ส่วนประจำเดือนจะมาไกล้เคียงกับรอบประจำเดือนปกติ เเต่อาจมาเร็วหรือช้ากว่ารอบเดือนปกติได้ 1-3สัปดาห์
ดังนั้น หากเกิน3สัปดาห์ไปเเล้วจากวันที่ประจำเดือนควรจะมา
ให้ตรวจการตั้งครรภ์นะครับ
........
การจะให้ชัวร์ว่าไม่ท้องก็ต้องรอประจำเดือนจริงๆมาครับ ซึ่งก็อาจจะเลื่อนได้จากผลของยา หากต้องการตรวจการตั้งครรภ์ ตรวจได้เร็วที่สุด2สัปดาห์หลังมีเพศสัมพันธ์ครับ ระหว่างนี้ถ้ามีเพศสัมพันธ์ใช้ถุงยางไปก่อนครับ
เเละการคุมกำเนิดโดยการคุมกำเนิดฉุกเฉินไม่ควรใช้เกินสองแผงต่อเดือนครับ
...........
หลังจากนี้ถ้าชัวร์ว่าไม่ท้องเเละประจำเดือนมาเเล้ว เเนะนำเลือกวิธีคุมกำเนิด เช่น ยาคุมรายเดือน ฝังยาคุม ฉีดยาคุม หรือใช้ถุงยางอนามัยครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
คงระบุไม่ได้ค่ะว่าผลข้างเคียงจะเกิดขึ้นมากน้อยแค่ไหน เนื่องจากขึ้นกับการตอบสนองของผู้ใช้แต่ละรายด้วย อย่างไรก็ตาม ผลข้างเคียงที่พบไม่ได้มีอันตรายที่รุนแรงหรือถาวรใด ๆ ค่ะ มีเพียงคลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะ เจ็บคัดตึงเต้านม และมีเลือดออกกะปริบกะปรอย (หรืออาจไม่เกิดขึ้นเลยก็ได้เช่นกัน) เพราะฉะนั้น หากจำเป็นก็สามารถรับประทานได้ค่ะ
สิ่งที่น่ากังวลไม่ใช่ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นค่ะ แต่ควรกังวลว่ายาคุมฉุกเฉินที่ใช้จะป้องกันการตั้งครรภ์ได้สำเร็จหรือไม่ เนื่องจากยาคุมฉุกเฉินไม่ได้มีประสิทธิภาพสูงมากนะคะ แม้จะรับประทานไปแล้วก็ยังมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 15 - 25% ค่ะ ในขณะที่ถ้าใช้ถุงยางถูกต้องและไม่รั่วซึมหรือฉีกขาดจะมีโอกาสตั้งครรภ์เพียง 2% ดังนั้น ยิ่งนำยาคุมฉุกเฉินมาใช้บ่อย ๆ แทนวิธีคุมกำเนิดปกติเพียงเพราะไม่อยากใส่ถุงยาง จึงเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์ได้มากกว่าหลายเท่านะคะ
แนะนำว่า หากนับจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก (ที่มีการรับประทานยาคุมฉุกเฉินไปแล้ว) มาจนถึงตอนนี้ หากยังไม่เกิน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ ควรไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อพิจารณาการใส่ห่วงอนามัยชนิดหุ้มทองแดงภายใน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ค่ะ (ต้องนับจากการมีเพศสัมพันธ์รอบแรกนะคะ ไม่ใช่รอบล่าสุด) เพราะจะมีความเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์เพียงแค่ 0.6 - 0.8% ซึ่งถือว่าน้อยมากจนไม่น่าจะกังวล อีกทั้งผู้ถามก็จะสามารถใช้เป็นวิธีคุมกำเนิดปกติต่อได้เลยอีกหลายปีด้วยค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
สวัสดีค่ะ สอบถามค่ะ คือมี พสพ แบบไม่ได้ป้องกัน แล้วกินยาคุมฉุกเฉิน กินครบ2เม็ดแล้ว แล้สเผลอมี พสพ กันอีกครั้งแบบแตกใน ถ้ากินยาคุมฉุกเฉินอีกครั้งผลข้างเคียงจะเกิดขึ้นมากน้อยแค่ไหนค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)