คืออยากทราบค่ะว่าคือเรากินยาคุมแบบ28เม็ดยี่ห้อคาเมลล่ากินมาได้ประมาณ2-3เดือนแล้วค่ะแล้วคือยาคุม28เม็ดแผงนี้เริ่มกินตอนประจำเดือนหมดไปแล้วประมาณ2วันค่ะเริ่มกินวันที่10ค่ะแล้วที่นี้ได้ทำการกินยาคุมเม็ดสุดท้ายเม็ดที่21อ่ะค่ะในวันที่30แล้วเกิดพอดีในวันนั้นได้มีการมีเพศสัมพันธค่ะโดยไม่ได้ป้องกันแต่พอมีอะไรเสร็จก้รีบออกไปซื้อยาคุมฉุกเฉินมากินทันทีเลยนะคะกินไม่เกิน12หรือ24ชม.ด้วยค่ะเลยอยากจะทราบว่า 1.จะมีโอกาสท้องมากน้อยแค่ไหนคะ 2.ระยะเวลาที่กินยาคุมแบบ28เม็ดยุนี้ตัวยายังคงมีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดดียุรึป่าวคะ 3.แล้วตอนเช้ากินยาคุมแบบแผงเม็ดสุดท้ายไปแล้วพอมีอะไรกันเสร็จมากินยาคุมฉุกเฉินอีกทีอยากทราบว่าจะคุมได้มั้ยคะแล้วเป็นอันตรายรึป่าว แล้วประจำเดือนจะมีอีกที่นี้ประมาณกี่วันหรืนานไหมคะ

ถ้ารับประทานเม็ดที่ 21 ของ "คาเมลล่า 28" แผงเดิมในวันที่ 30 ตุลาคม ก็จะครบกำหนดต่อยาคุมแผงนี้ในวันที่ 7 พฤศจิกายนนะคะ

การเริ่มรับประทานยาคุมแผงใหม่ในวันที่ 10 พฤศจิกายน จึงไม่มีผลคุมกำเนิดต่อเนื่องแล้วค่ะ และต้องรอให้รับประทาน "คาเมลล่า 28" แผงใหม่ติดต่อกันครบ 7 วันก่อนจึงจะมีผลคุมกำเนิดได้นะคะ

ดังนั้น...

1. ถ้า "วันนั้น" ที่ผู้ถามมีเพศสัมพันธ์ คือ 30 ตุลาคม ยังถือว่ามีผลคุมกำเนิดจากยาคุมแผงเดิมที่ใช้ จึงมีโอกาสตั้งครรภ์ 0.3 - 9% นะคะ

แต่ถ้า "วันนั้น" คือวันที่ 10 พฤศจิกายน เนื่องจากไม่มีผลคุมกำเนิดจากยาคุม "คาเมลล่า 28" แล้ว จึงมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 15 - 25% ตามผลป้องกันของยาคุมฉุกเฉินค่ะ

2. หมายถึงแผงปัจจุบันที่กำลังรับประทานอยู่ใช่มั้ยคะ ถ้าใช่... แนะนำดังนี้ค่ะ

หากผู้ถามรับประทานยาคุม "คาเมลล่า 28" แผงนี้ต่อเนื่องทุกวันมาจนถึงปัจจุบัน หลังจากที่ใช้ติดต่อกันครบ 7 วันแล้วก็มีผลคุมกำเนิดได้ตามปกติ ถ้ามีเพศสัมพันธ์ในช่วงที่มีผลคุมกำเนิดจากยาคุมรายเดือนก็มีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 0.3 - 9% หรือค่อนไปทางต่ำถ้ารับประทานตรงเวลาค่ะ

3. ไม่แน่ใจว่าหมายถึงแผงก่อนหรือแผงปัจจุบัน เนื่องจากถ้าหมายถึงแผงปัจจุบัน หากเริ่มรับประทานในวันที่ 10 พฤศจิกายน และรับประทานในขนาดปกติมาต่อเนื่องกันทุกวัน ก็จะได้รับประทานเม็ดที่ 21 ของแผงในวันที่ 30 พฤศจิกายนนะคะ

อย่างไรก็ตาม ถ้าหมายถึงแผงปัจจุบัน หากรับประทานต่อเนื่องมาตลอด ไม่ได้ลืมรับประทานเม็ดยาฮอร์โมนติดต่อกันตั้งแต่ 3 วันขึันไป ก็ยังถือว่ามีผลคุมกำเนิดต่อเนื่องในช่วงปลอดฮอร์โมน 7 วันนี้ค่ะ จึงไม่จำเป็นจะต้องรับประทานยาคุมฉุกเฉินให้เกิดผลข้างเคียงเพิ่มขึ้นนะคะ (แต่ถ้ารับประทานไปแล้วก็ไม่เป็นไร) ประสิทธิภาพในการป้องกันยังมาจากยาคุมรายเดือน การใช้ยาคุมฉุกเฉินไม่ได้เพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันให้มากขึ้นค่ะ

ประจำเดือนควรจะมาในช่วงปลอดฮอร์โมน 7 วันนี้ ซึ่งโดยปกติจะมาหลังใช้ "เม็ดยาฮอร์โมน" หมดไปแล้ว 2 - 3 วัน แต่ถ้าผู้ถามมีการรับประทานยาคุมฉุกเฉิน ก็อาจทำให้ประจำเดือนเลื่อนช้าออกไปเล็กน้อยค่ะ

ซึ่งผู้ถามควรจะรับประทาน "เม็ดแป้ง" ต่อเนื่องจาก "เม็ดยาฮอร์โมน" ไปจนกว่าจะครบ 28 วันเพื่อให้ไม่ลืมว่าควรต่อยาคุมแผงใหม่ในวันใดนะคะ (หรือถ้าไม่ต้องการจะรับประทาน "เม็ดแป้ง" ก็สามารถแกะทิ้งวันละเม็ดก็ได้ค่ะ)

ถ้าใช้ไปจนครบ 28 เม็ดแล้วยังไม่มีประจำเดือนมา ควรตรวจการตั้งครรภ์ด้วยชุดทดสอบทางปัสสาวะ ในตอนเช้าหลังตื่นนอน ของวันที่ครบกำหนดต่อยาคุมแผงใหม่ และถ้าผลตรวจออกมาเป็นไม่ตั้งครรภ์ ก็สามารถต่อยาคุมแผงใหม่ตามกำหนดเพื่อให้มีผลคุมกำเนิดที่ต่อเนื่องได้ค่ะ

ขอบคุณสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมนะคะ และขออภัยที่เข้าใจผิดว่าผู้ถามรับประทานเม็ดที่ 21 ของยาคุมแผงที่แล้วในวันที่ 30 ตุลาคมค่ะ

จากข้อมูลที่ได้รับมา แนะนำเช่นนี้ค่ะ

1. ความเสี่ยงในช่วงเริ่มรับประทานแผงนี้

จากข้อมูลที่ว่ามีการใช้ยาคุม "คาเมลล่า 28" มา 2 - 3 เดือนแล้ว ไม่มั่นใจว่าผู้ถามเริ่มรับประทานยาคุมแผงนี้ถูกต้องตามกำหนดหรือเปล่า เพราะถ้าใช้ยาคุม "คาเมลล่า 28" อย่างถูกต้อง ควรจะมีประจำเดือนมาหลังรับประทาน "เม็ดยาฮอร์โมน" หมดไปแล้ว 2 - 3 วัน หรือคลาดเคลื่อนเล็กน้อย

และประจำเดือนปกติ ควรจะมาต่อเนื่องกัน 3 - 7 วันค่ะ

ดังนั้น แม้ว่าวันที่รับประทานเม็ดที่ 21 ของแผงเดิมจะไม่ใช่ 30 ตุลาคม แต่เมื่อคำนวณจากระยะเวลาที่ควรจะมีประจำเดือนมา (นั่นคือ ประมาณวันที่ 3 หรือ 4 ของช่วงปลอดฮอร์โมน ไม่ว่าผู้ถามจะรับประทาน "เม็ดแป้ง" หรือจะแกะทิ้งก็ตาม) รวมกับระยะเวลาของประจำเดือนปกติ 3 - 7 วัน รวมกับข้อมูลที่ว่าผู้ถามเริ่มรับประทานยาคุมแผงนี้หลังประจำเดือนหมดไปแล้วประมาณ 2 วัน ก็ไม่มั่นใจว่าผู้ถามต่อยาคุมแผงนี้ตรงตามกำหนดหรือไม่

ถ้าต่อยาคุมแผงนี้ช้าเกินไป ก็จะไม่มีผลคุมกำเนิดต่อเนื่อง และต้องรอให้รับประทานยาคุมติดต่อกันจนครบ 7 วันก่อนจึงจะมีผลคุมกำเนิดได้นะคะ และถ้ามีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันก่อนที่จะมีผลคุมกำเนิดจากยา ก็เสี่ยงที่จะตั้งครรภ์ได้มากค่ะ

2. ความเสี่ยงจากการมีเพศสัมพันธ์ในวันที่ 30 พฤศจิกายน

ไม่ว่าจะเริ่มต้นใช้ยาคุมแผงนี้ถูกต้องหรือไม่ แต่หากผู้ถามมีการรับประทาน "เม็ดยาฮอร์โมน" ของยาคุมแผงนี้ต่อเนื่องทุกวันมาตลอด ก็จะถือว่ามีผลคุมกำเนิดครอบคลุมถึงช่วงปลอดฮอร์โมนของแผงด้วยนะคะ

การมีเพศสัมพันธ์ในวันที่ 30 พฤศจิกายนซึ่งเป็นวันที่รับประทานเม็ดยาฮอร์โมนเม็ดสุดท้ายของแผง หรือแม้แต่การมีเพศสัมพันธ์ในช่วงปลอดฮอร์โมน 7 วันหลังจากนั้น จึงมีความเสี่ยงน้อยมากที่จะตั้งครรภ์ เพราะมีผลป้องกันจากยาคุม "คาเมลล่า 28" อยู่นั่นเอง

เมื่อมีผลคุมกำเนิดจากยาคุมรายเดือนอยู่ก็สามารถมีเพศสัมพันธ์หลั่งในได้ตามปกติ โอกาสตั้งครรภ์คือ 0.3 - 9% หรือค่อนไปทางต่ำ ถ้ารับประทานตรงเวลาสม่ำเสมอ (แต่ถ้าประจำเดือนมาแล้ว ควรงดมีเพศสัมพันธ์ไปก่อนจนกว่าประจำเดือนจะหายดี เพื่อไม่ให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อในช่องคลอดและอุ้งเชิงกราน)

ประสิทธิภาพในการป้องกันของยาคุมรายเดือนสูงกว่ายาคุมฉุกเฉินมาก ถ้ามีผลคุมกำเนิดจากยาคุมรายเดือนอยู่ ก็ไม่ต้องรับประทานยาคุมฉุกเฉิน เพราะไม่ได้ช่วยให้ประสิทธิภาพในการป้องกันสูงขึ้น แต่จะทำให้ได้รับผลข้างเคียงจากยามากขึ้นโดยไม่จำเป็น (แต่ถ้ารับประทานไปแล้วก็ไม่เป็นไร เพราะผลข้างเคียงจากยาคุมฉุกเฉินไม่ได้มีอันตรายที่รุนแรงหรือถาวรใด ๆ ค่ะ)

3. ประจำเดือนควรจะมาเมื่อไหร่ และถ้าไม่มีประจำเดือนมาควรทำอย่างไร

โดยปกติ ประจำเดือนมักจะมาหลังจากใช้ "เม็ดยาฮอร์โมน" หมดไปแล้ว 2 - 3 วันนะคะ แต่การที่ผู้ถามรับประทานยาคุมฉุกเฉินต่อ ก็ทำให้ร่างกายได้รับฮอร์โมนต่อเนื่องไปอีก จึงอาจทำให้ประจำเดือนรอบนี้เลื่อนช้าออกไปเล็กน้อยค่ะ

อย่างไรก็ตาม แม้จะเลื่อนช้า แต่ก็ควรมีประจำเดือนมาในช่วงปลอดฮอร์โมน 7 วันนี้นะคะ

ดังนั้น ถ้าไม่มีประจำเดือนมาเลยในช่วงปลอดฮอร์โมนของแผงนี้ ก็ควรตรวจการตั้งครรภ์ด้วยชุดทดสอบทางปัสสาวะ หลังตื่นนอนตอนเช้าของวันที่ 8 ธันวาคมนะคะ ซึ่งถ้าผลตรวจออกมาเป็นไม่ตั้งครรภ์ ก็สามารถต่อยาคุมแผงใหม่ตามกำหนดในวันที่ 8 ธันวาคม เพื่อให้มีผลคุมกำเนิดที่ต่อเนื่องได้ค่ะ

4. ข้อแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้ยาคุม "คาเมลล่า 28"

การใช้ยาคุมแบบ 28 เม็ด ควรใช้ต่อเนื่องกันไปทุกวันจนหมดทั้ง 28 เม็ด จากนั้นก็ต่อยาคุมแผงใหม่ในวันถัดมานะคะ

ผู้ผลิตจัดทำเม็ดแป้ง 7 เม็ดของ "คาเมลล่า 28" มาให้ใช้ในช่วงปลอดฮอร์โมน 7 วัน เพื่อให้ผู้ใช้ไม่ลืมว่าจะต้องต่อยาคุมแผงใหม่ตามกำหนดในวันใด เพราะถ้าต่อยาคุมช้าเกินไปก็เสี่ยงที่จะไม่มีผลคุมกำเนิดต่อเนื่อง

ดังนั้น ต่อไป เมื่อรับประทาน "เม็ดยาฮอร์โมน" หมดแล้ว ก็ควรใช้ "เม็ดแป้ง" ต่อเนื่องวันละ 1 เม็ดไปตามปกติจนหมดแผงด้วยนะคะ

สรุปสั้น ๆ ก็คือ...

1. ถ้าเริ่มใช้ยาคุมแผงนี้ไม่ถูกต้อง และมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันในช่วงที่ยังไม่มีผลคุมกำเนิดจากยา ก็มีความเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์ได้มากนะคะ

2. ส่วนการมีเพศสัมพันธ์ในวันที่ 30 พฤศจิกายน ยังมีผลป้องกันจาก "คาเมลล่า 28" จึงไม่จำเป็นจะต้องรับประทานยาคุมฉุกเฉิน แต่รับประทานไปแล้วก็ไม่เป็นไร เพราะไม่มีอันตรายรุนแรงหรือถาวรใด ๆ ค่ะ

3. ประจำเดือนอาจเลื่อนไปเล็กน้อยจากการรับประทานยาคุมฉุกเฉิน แต่ถ้าไม่มีประจำเดือนมาเลย ควรตรวจการตั้งครรภ์หลังตื่นนอนตอนเช้าของวันที่ 8 ธันวาคม และถ้าผลตรวจออกมาเป็นไม่ตั้งครรภ์ ก็สามารถต่อยาคุมแผงใหม่ตามกำหนดได้นะคะ

4. การใช้เม็ดแป้งจะช่วยให้ผู้ถามไม่ลืมว่าจะต้องต่อยาคุมแผงใหม่ในวันใด ดังนั้น ต่อไป ควรรับประทาน "คาเมลล่า 28" ต่อเนื่องกันให้ครบทั้ง 28 เม็ดค่ะ

ขอบคุณสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมค่ะ

จากข้อมูลที่ผู้ถามให้มาว่า "กินยาคุมแบบ 28 เม็ดยี่ห้อคาเมลล่ามาได้ประมาณ 2 - 3 เดือนแล้วค่ะ" นั่นหมายถึงแผงที่กำลังรับประทานอยู่นี้ไม่ใช่แผงแรกใช่มั้ยคะ จึงต้องพิจารณาด้วยว่าการที่ผู้ถามเริ่มรับประทานยาคุมในวันที่ 10 พฤศจิกายนนั้น ตรงตามกำหนดต่อยาคุมแผงใหม่ (หลังจากที่ใช้แผงเดิมหมด) หรือเปล่า

ซึ่งโดยปกติ ผู้ที่ใช้ยาคุมชนิดฮอร์โมนรวมจะมีประจำเดือนมาหลังจากใช้เม็ดยาฮอร์โมนหมดไปแล้ว 2 - 3 วัน หรือคลาดเคลื่อนเล็กน้อยค่ะ ไม่ควรพบประจำเดือนตั้งแต่เม็ดแป้ง 1 - 2 เม็ดแรก เพราะต้องรอให้ระดับฮอร์โมนลดต่ำลงมากพอ เยื่อบุโพรงมดลูกจึงจะเกิดการหลุดลอกและมีประจำเดือนนะคะ

และเมื่อ "คาเมลล่า 28" มี "เม็ดยาฮอร์โมน" 21 เม็ด + "เม็ดแป้ง" 7 เม็ด ผู้ถามจึงน่าจะมีประจำเดือนมาประมาณเม็ดที่ 24 หรือ 25 ของแผง หรืออาจคลาดเคลื่อนจากนั้นเล็กน้อย

และการใช้ยาคุมแบบ 28 เม็ด เมื่อรับประทานหมดแผงเดิมแล้วจะต้องต่อแผงใหม่ในวันถัดมา ไม่ต้องเว้นว่างเพิ่มเติม และไม่ต้องรอให้ประจำเดือนหมดก่อน

ดังนั้น ถ้าประจำเดือนมาวันที่ 1 พฤศจิกายน สมมติว่าตรงกับเม็ดที่ 24 ของแผง การเริ่มรับประทานยาคุมแผงใหม่ในวันที่ 10 พฤศจิกายน ก็ถือว่าช้าเกินกำหนดไปมากค่ะ ทำให้ไม่มีผลคุมกำเนิดต่อเนื่องกันทุกวัน และต้องรอให้รับประทานแผงนี้ติดต่อกันครบ 7 วันก่อนจึงจะมีผลคุมกำเนิดได้

อย่างไรก็ตาม ถ้าในช่วง 2 - 3 เดือนที่รับประทานยาคุมมา ผู้ถามมีเพศสัมพันธ์เพียงแค่ในวันที่ 30 พฤศจิกายน ก็ไม่มีปัญหาค่ะ เพราะแม้จะต่อยาคุมไม่ตรงตามกำหนด เมื่อมีการใช้ต่อเนื่องกันมามากกว่า 7 วัน ก็ถือว่ามีผลคุมกำเนิดจากยาแล้ว โอกาสตั้งครรภ์จึงเป็น 0.3 - 9% ตามผลป้องกันปกติของยาคุมรายเดือนค่ะ

แต่เนื่องจากผู้ถามให้ข้อมูลว่า "ตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายน มาจนถึงปัจจุบัน มีเพศสัมพันธ์เฉพาะวันที่ 30 พฤศจิกายน" จึงไม่ทราบข้อมูลว่าก่อนวันที่ 10 พฤศจิกายนมีเพศสัมพันธ์หรือไม่ เพราะถ้าผู้ถามไม่ได้ต่อยาคุมตามกำหนด และมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันในช่วงที่ไม่มีผลคุมกำเนิดจากยาก็มีความเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์ได้มากนะคะ
..
..
..
ส่วนวิธีการใช้ ถ้าผู้ถามรับประทานยาคุม "คาเมลล่า 28" ครบทั้ง 28 เม็ดก็ถือว่าเหมาะสมแล้วนะคะ

สาเหตุที่ไม่มั่นใจว่าผู้ถามรับประทาน "เม็ดแป้ง" หรือไม่ เพราะคาดว่าผู้ถามน่าจะต่อยาคุมแผงใหม่ช้ากว่ากำหนด และจากข้อมูลที่ว่า "ตอนเช้ากินยาคุมแบบแผงเม็ดสุดท้ายไปแล้ว" โดยที่ผู้ถามหมายถึงเม็ดที่ 21 ของแผงค่ะ
..
..
..
แนะนำให้รอดูว่าจะมีประจำเดือนมาในช่วงที่รับประทาน "เม็ดแป้ง" ของแผงนี้หรือเปล่านะคะ ซึ่งอาจเลื่อนช้าออกไปเล็กน้อยจากผลของยาคุมฉุกเฉินได้ค่ะ

แต่ถ้ารับประทานเม็ดสุดท้าย (เม็ดที่ 28 ของแผง) ไปแล้วยังไม่มีประจำเดือนมา ให้ตรวจการตั้งครรภ์หลังตื่นนอนตอนเช้าของวันที่ครบกำหนดต่อยาคุมแผงใหม่นะคะ ซึ่งถ้าผลตรวจออกมาเป็นไม่ตั้งครรภ์ ก็สามารถต่อยาคุมแผงใหม่ตามกำหนดได้ค่ะ

ถ้าเช่นนั้นก็ไม่น่าจะกังวลค่ะ เพราะถือว่ามีความเสี่ยงน้อยมากที่จะตั้งครรภ์ถ้ามีผลป้องกันจากยาคุมรายเดือนอยู่ และการที่ประจำเดือนอาจเลื่อนช้าไปบ้างก็น่าจะเป็นผลจากการรับประทานยาคุมฉุกเฉินนั่นเอง

อย่างไรก็ตาม ถ้าไม่มีประจำเดือนมาในช่วงที่รับประทาน "เม็ดแป้ง" ของแผงนี้เลย เพื่อความชัดเจน (เพราะไม่มีวิธีคุมกำเนิดใดที่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 100%) ควรตรวจการตั้งครรภ์ตามที่แนะนำไปข้างต้นด้วยนะคะ