July 30, 2019 01:24
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
ยาคุมฉุกเฉินไม่ได้มีประสิทธิภาพสูงเหมือนวิธีคุมกำเนิดมาตรฐานค่ะ แม้จะรับประทานครบขนาดและทันเวลาก็ยังมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 15 - 25%
ในขณะที่ถ้าใช้ถุงยางอนามัยถูกต้องและไม่รั่วซึมหรือฉีกขาด จะมีโอกาสตั้งครรภ์เพียง 2% ดังนั้น การนำยาคุมฉุกเฉินมาใช้เพียงเพราะไม่อยากใส่ถุงยาง จึงมีความเสี่ยงที่จะป้องกันไม่สำเร็จและตั้งครรภ์ได้มากกว่านะคะ
..
..
..
เมื่อรับประทานยาคุมฉุกเฉินครบขนาดไปแล้ว ก็ต้องรอดูต่อไปว่าจะมีประจำเดือนมาหรือไม่ ซึ่งหากไม่มีการตั้งครรภ์ ประจำเดือนของผู้ใช้ยาคุมฉุกเฉินส่วนใหญ่จะมาตรงตามรอบปกติเดิม หรือคลาดเคลื่อนเพียงไม่กี่วันค่ะ
โดยประจำเดือนปกติควรจะมีปริมาณมากจนชุ่มผ้าอนามัย 2 - 3 แผ่น/วัน และมาต่อเนื่องกัน 3 - 7 วันนะคะ
ส่วนเลือดที่เป็นผลข้างเคียงจากยา เป็นเพียงหยดเลือดซึมหรือเลือดกะปริบกะปรอย อาจพบภายใน 7 วันหลังรับประทาน หรืออาจไม่พบเลยก็ได้ ไม่ได้สำคัญอะไร และไม่ได้บ่งชี้ว่าจะตั้งครรภ์หรือไม่ตั้งครรภ์
..
..
..
ถ้าไม่มีประจำเดือนมา หรือถ้ากังวลว่าจะตั้งครรภ์ สามารถตรวจการตั้งครรภ์ให้ชัดเจนได้ โดยใช้ชุดทดสอบการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะ ตรวจในตอนเช้าหลังตื่นนอน ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วันค่ะ
และเนื่องจากยาคุมฉุกเฉินไม่มีผลคุมกำเนิดต่อเนื่องหลังรับประทาน และประสิทธิภาพไม่สูงเหมือนวิธีคุมกำเนิดมาตรฐาน ดังนั้น หากจะมีเพศสัมพันธ์อีก ถ้าผู้ถามไม่ได้คุมกำเนิดด้วยวิธีใด ๆ อยู่ และยังไม่พร้อมจะมีบุตร ควรให้แฟนใช้ถุงยางทุกครั้งนะคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
นิธิวัฒน์ ตั้งชมพู (นพ.)
สวัสดีครับ
เบื้องต้น ไม่มีการคุมกำเนิดใดที่ให้ผลร้อยเปอร์เซนต์ครับ การรับประทานยาคุมฉุกเฉิน จะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้มาก แต่โอกาสการตั้งครรภ์ยังมีสูงกว่าการคุมกำเนิดที่ถูกต้อง โดยวิธีอื่นๆครับ
การคุมกำเนิดโดยใช้วิธีการคุมกำเนิดฉุกเฉินแนะนำให้ใช้เฉพาะผิดพลาดจริงๆเท่านั้น เช่น ถุงยางอนามัยขาด เป็นต้น ไม่แนะนำให้ใช่เป็นวิธีการคุมกำเนิดเพียงอย่างเดียวครับ
>> การรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินหลังมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้อวกัน หากรับประทานภายใน 24 ชม แรกหลังมีเพศสัมพันธ์ จะเพิ่มประสิทธิภาพการคุมกำเนิดได้ประมาณ 85% -90% (มีโอกาสตั้งครรภ์ประมาณ 10-15%)
ดังในกรณีของคนไข้ครับ
>> ถ้ากินภายใน 72 ชม ประสิทธิภาพได้ประมาณ 75% ครับ และช้าสุดที่ 120 ชม ประสิทธิภาพ ของการป้องกันการตั้งครรภ์ยังพอมีอยู่ แต่ลดลงไปมากครับ
>>ถ้าคนไข้ต้องการประสิทธิภาพการคุมกำเนิดมากขึ้น แนะนำให้เปลี่ยนไปคุมกำเนิดโดยใช้ ห่วงอนามัยชนิดเคลือบสารทองแดงก็ได้ครับ ประสิทธิภาพจะสูงกว่ายาคุมกำเนิดในช่วง 72-120 ชมครับ (สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ตั้งแต่ 0-120 ชมได้ดี และมีประสิทธิภาพประมาณ 99%) ครับ
อย่างไรก็ตาม หลังรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน อาจมีผลข้างเคียงครับ
ผลข้างเคียงหลังจากรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน ได้แก่อาการคลื่นไส้อาเจียน เวียนหัว และหลังจากรับประทานในช่วงสัปดาห์แรก อาจมีเลือดออกกะปริดกะปรอยได้ แต่ไม่ใช่เลือดประจำเดือน แต่เป็นผลข้างเคียงของยาคุมฉุกเฉินครับ ประจำเดือนของคนไข้ ควรมาตรวรอบตามปกติค่ะ หากพบว่าประจำเดือนไม่มาตามรอบปกติเกิน 1-3 สัปดาห์ (หรือ 14 วันหลังจากมีเพศสัมพันธ์) ให้ทดสอบการตั้งครรภ์ หรือพบแพทย์เพื่อการวินิจฉัยที่ถูกต้องครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
มีเพศสัมพันธ์กันกับแฟน หลั่งใน3-4ครั้ง แต่กินยาคุมฉุกเฉินจะท้องไหมคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)