May 31, 2019 15:37
ตอบโดย
ศิรินทิพย์ ผอมน้อย (นักจิตวิทยาคลินิก)
จากประสบการณ์ในการทำงานร่วมทีมสหวิชาชีพนะคะ
ทุกวิชาชีพมีความรู้เฉพาะด้านในสายอาชีพของตนค่ะ อย่างพยาบาลก็จะมีความรู้ลึกในเรื่องการพยาบาล ดูแลผู้ป่วย , เภสัชกร มีความรู้ลึกเรื่องยา ,แพทย์มีความรู้เรื่องโรค อาการ วิธีการรักษา แต่ทุกวิชาชีพทางการแพทย์จะต้องมีความรู้พื้นฐานเรื่องโรค อาการ ยา การดูแลรักษาอยู่แล้วค่ะ
หากผู้ป่วยมีปัญหาเรื่องการทานยา จิตแพทย์อาจส่งปรึกษาเภสัชกรเพื่อให้ความรู้เชิงลึกแก่ผู้ป่วยค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ตอบโดย
ศุภลักษณ์ แซ่จัง (พว.)
สวัสดีค่ะ แพทย์ เภสัชกร พยาบาล ต่างเรียนเรื่องยามาเหมือนกันค่ะ แต่ถ้าเรื่องความเชี่ยวชาญด้านยาแน่นอนว่า เภสัชกร มีความรู้เรื่องยามากกว่าค่ะ เนื่องจากเรียนมาเฉพาะทางมากกว่า ส่วนแพทย์มีความรู้เรื่องยาในการรักษาโรคค่ะ แพทย์บางท่านก็มีความเชี่ยวชาญด้านยาเช่นกันขึ้นกับการศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมนอกเหนือจากที่เรียนมาค่ะ ส่วนพยาบาล มีความรู้เรื่องยาว่าใช้รักษาอาการอะไร ผลข้างเคียงจากยามีอะไรบ้าง อย่างไรก็ตาม ในการทำงาน ก็ต้องมีการประสานงานกันทั้ง 3 สหวิชาชีพ พยาบาลอาจคัดกรองอาการเบื้องต้น เช่น ผลข้างเคียงจากยา หากพบอาการก็จะส่งต่อเภสัชกรเพื่อประเมิน ต่อ หากต้องปรับยาหรือเปลี่ยนยาก็ต้องส่งพบแพทย์ เพื่อทำการปรับเปลี่ยนการรักษา หรือ คำนวนปริมาณยาใหม่ ซึ่งทั้ง 3 อาชีพมีความเกี่ยวข้องกันค่ะ หากสงสัยเรื่องยา ก็สามารถปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร ได้ค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
1. เภสัช เป็นผู้ที่มีความรู้และทำงานเกี่ยวกับยาเป็นหลัก จะมีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับยาโดยละเอียดตั้งแต่ชนิดของยา ขนาดยาที่ใช้ กลไกการออกฤทธิ์ของยา ผลข้างเคียงของยา ปฏิกิริยาระหว่างยา การย่อยสลายยาในร่างกาย ฯลฯ
ส่วนพยาบาล จะเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในการดูแลผู้ป่วย เป็นผู้ช่วยของแพทย์ในการคัดกรองผู้ป่วย บริหารยา การให้สุขศึกษา การดูแลสุขอนามัยของผู้ป่วย เป็นต้น
ลักษณะงานของ 2 สายอาชีพนี้มีความแตกต่างกันจึงคงไม่สามารถเปรียบเทียบได้ว่าใครเก่งกว่าใครครับ
2. ถ้าหากเป็นประเด็นเกี่ยวกับยาโดยละเอียดไม่ว่าจะเป็นปฏิกิริยาระหว่างยา กลไกการออกฤทธิ์ของยา หรืออื่นๆ เภสัชจะมีความเชี่ยวชาญในเรื่องนี้มากกว่าครับ แต่เมื่อต้องนำยาดังกล่าวมาเลือกใช้ในผู้ป่วยแต่บะคนแล้วแพทย์จะมีความเชี่ยวชาญในประเด็นนี้มากกว่า
3. ถ้าเป็นยาจากหลายด้านผสมกัน ก็จะมีลักษณะคล้ายๆคำถามในข้อ 2 ครับ คือ ถ้าเน้นเฉพาะเรื่องของยาอย่างเดียวเภสัชก็จะมีความเชี่ยวชาญมากกว่า แต่เมื่อต้องนำยามาประบใช้กับผู้ป่วยแพทย์ก็จะมีความเชี่ยวชาญมากกว่า และในกรณีนี้ไม่ว่าสูติแพทย์หรือจิตแพทย์ก็จะไม่ได้มีใครที่มีความเชี่ยวชาญมากไปกว่ากันครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
สรุปแล้ว ถ้าเป็นยา จากหลายด้าน ผสมกัน เช่น ทานยาจิตเวชและฝังยาคุมกำเนิดอยู่หรือใช้ยาเกี่ยวกับการคุมกำเนิดอยู่ เภสัชกรหรือแพทย์จะรู้มากกว่ากันคะ เกี่ยวกับปฏิกิริยาระหว่างกัน ผลระหว่างกัน ตีกันไหม ลดประสิทธิภาพอะไรแบบนั้น
1.เภสัช พยาบาล ต่างกันยังไงคะ ความรู้เภสัชจะมากกว่าหรือเปล่าคะ(ไม่ได้ตั้งใจสื่อไปในทางไม่ให้เกียรติพยาบาลนะคะ) 2.ถ้าเป็นเรื่องยา เภสัช จะรู้ลึกกว่า แพทย์ไหมคะ เช่น ถ้าทานยาหลายตัว เป็นยาด้านจิตเวช แล้วสงสัย ว่ามันจะทำปฏิกิริยากันไหม จิตแพทย์หรือเภสัช จะรู้มากกว่ากันคะ 3.ถ้าเป็นยา จากหลายด้าน ผสมกัน เช่น ทานยาจิตเวชและยาเกี่ยวกับการคุมกำเนิดอยู่ เภสัชหรือจิตแพทย์,สูตินรีแพทย์จะรู้มากกว่ากันคะ เกี่ยวกับปฏิกิริยาระหว่างกัน ผลระหว่างกัน ตีกันไหม อะไรแบบนั้น
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)