May 29, 2019 18:20
ตอบโดย
วชิรวิทย์ สุทธิศักดิ์ (แพทย์ทั่วไป) (นพ.)
1.เรื่องตั้งครรภ์ ถ้าหลังประจำเดือน เมษายน ยังไม่มีเพศสัมพันธ์ก็ไม่ท้องเเน่นอนครับ
2.โดยปกติประจำเดือนสามารถมาเร็วมาช้าได้บวกลบ7วันครับ ถ้ายังไม่เกิน7วันหมอว่ายังรอไปก่อนได้ครับ
ปกติจะมาประมาณ2-6วัน ปริมาณประมาณ 20-60ml
.............
การที่ประจำเดือนมาไม่ตรงรอบหรือขาด อาจเกิดได้จากความเครียด ทำให้ระดับฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง ,การตั้งครรภ์
หรือเกิดได้จากโรคอื่นๆ กรณีที่ประจำเดือนขาดนานๆ หรือมาไม่สม่ำเสมอครับ เช่น โรคถุงน้ำรังไข่อาการคือ ประจำเดือนมักมาไม่สม่ำเสมอร่วมกับพบลักษณะของฮอรโมนเพศชาย(มีสิว มีขนเยอะ) หรือ บางครั้งความผิดปกติของต่อมใต้สมองซึ่งมีหน้าที่หลั่งฮอร์โมนมากระตุ้นรังไข่ก็ทำให้ประจำเดือนมาไม่ปกติได้ครับหากประจำเดือนขาดนานๆ ร่วมกับบีบหัวนมเเล้วมีน้ำนมไหลออกมา หรืออาจเกิดจากการตกไข่ผิดปกติจากสาเหตุของรังไข่เอง
.............
หากเดิมประจำเดือนมาปกติ เเล้วประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ โดยที่ไม่ได้มีเพศสัมพันธ์ หรือตรวจเเล้วไม่ท้อง (ปกติประจำเดือนขาดก็ตรวจได้เเล้วครับว่าท้องหรือไม่) หรือ ไม่ได้มีความเครียดอื่นๆ ควรไปพบสูตินรีเเพทย์ครับ อาจพิจารณารับประทานยาคุมกำเนิดเพื่อปรับฮอร์โมน ร่วมกับหาสาเหตุด้วยครับ
3.กรณีสงสัยท้อง เเนะนำตรวจปัสสาวะหาการตั้งครรภ์ครับ
- ชุดตรวจมีหลากหลายครับ ในรายละเอียดอาจจะต่างกันบ้าง ให้ดูตามคำเเนะนำในกล่องน่าจะดีที่สุดแต่โดยทั้วไปก็คือให้ปัสสาวะใส่ภาชนะ จุ่มที่ทดสอบลงไประยะเวลาหนึ่ง เอาขึ้นมาตั้ง รอเวลา แล้วจึงอ่านผล
- วิธีการเก็บปัสสาวะตรวจก็มีผลต่อการแปลผลมาก
ผลจะแม่นที่สุดควรจะต้องเป็นปัสสาวะครั้งแรกตอนเช้าที่เพิ่งตื่นนอนมาเพราะจะเป็นปัสสาวะที่เข้มข้น ถ้ามี hCG อยู่ก็จะตรวจพบได้ง่ายกว่า
- ชุดตรวจส่วนใหญ่จะแสดงผลเป็นขีดๆ โดยขีดแรกเป็นเส้น control จะต้องขึ้นเสมอไม่ว่าจะท้องหรือไม่ ถ้าไม่ขึ้นแปลว่าที่ตรวจนั้นเสีย ส่วนขีดที่สองถึงจะเป็นตัวบอกว่ามี hCG อยู่
...........
ดังนั้น สองขีดคือท้อง
...........
ขีดเดียวคือไม่ท้อง ถ้าไม่มีซักขีดคือชุดตรวจเสียครับ
4.การเริ่มกินยาคุมแบบเเผงรายเดือนที่ถูกต้อง ต้องกินก่อนมีเพศสัมพันธ์ครับ ไม่ใช่หลั่งในไปเเล้วเพิ่งกิน
ยาคุมกำเนิดรายเดือน รุ่นใหม่ๆ เช่น Yaz Yasmin Oilezz พวกนี้มีฤทธิ์ต้านฮอร์โมนเพศชาย ทำให้ สิวลดลงได้ครับ (อาการบวมก็ไม่มากเนื่องจาก เอสโตรเจนไม่ได้สูงงมาก)
ทั้งหมดเป็นยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมครับ
แนะนำเริ่มกินในวันที่1-5นับจากประจำเดือนมาวันเเรก(เพราะชัวร์ว่าไม่ได้ท้องเเละยาออกฤทธิ์ยับยั้งการตกไข่ คุมกำเนิดได้เลย)
หรือกินช่วงไหนของเดือนก็ได้เเต่ต้องชัวร์ว่าไม่ท้อง เเละต้องกินไปอย่างน้อย7วันจึงจะมีฤทธิ์คุมกำเนิดครับ
.........
ถ้าเป็นแผง21เม็ดหลังกินหมดเเผง ให้เว้น 7 วัน เเล้วเริ่มเเผงใหม่ครับ เเต่ถ้าเป็น28เม็ดเมื่อหมดเเผงให้กินเเผงต่อไป ต่อไปเลยครับ
.........
ถ้ากรณี21เม็ด ช่วงที่เว้น7วันก่อนเริ่มยาแผงใหม่จะมีประจำเดือนมา
.........
ส่วนกรณี28เม็ด ช่วงที่กิน7เม็ดสุดท้าย(เม็ดเเป้ง) จะมีประจำเดือนมา ครับ
.........
ผลข้างเคียงคือ คลื่นไส้อาเจียน คัดตึงเต้านม บวม
ใช้นานๆระยะยาวอาจมีฝ้าได้
(เเนะนำให้กินก่อนนอน จะได้ไม่ลืมเเละลดผลข้างเคียงเรื่องคลื่นไส้อาเจียน)
.........
ควรหลีกเลี่ยงการกินยากรณีที่
- ให้นมลูกอยู่ เพราะยาทำให้น้ำนมไหลน้อยได้
- มีโรคประจำตัว เช่น โรคตับ เคยเป็นโรคหัวใจ โรคสมองขาดเลือด ลิ่มเลือดอุดตันที่ขา เป็นต้นครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ขออนุญาตค่ะ พอดีจะสอบถามเรื่องประจำเดือนค่ะ ก่อนอื่นดิฉันขอบอกบอกว่า ดิฉันกินยาคุมกำเนิด28เม็ดยี่ห้อเดิมมาเป็นตลอด3-4ปี ในระยะ 3-4ปีที่กิน ไม่ใช่ว่ากินทุกเดือน บ้างก็เดือนเว้นเดือน บ้างก็2เดือนกิน (จะกินก็ต่อเมื่อวันนั้นมีเพศสัมพันธ์แล้วมีการหลั่งใน) *เมื่อช่วงที่ช่วงดิฉันม.6 (ปัจจุบันดิฉันอายุ20) ดิฉันมีอาการปวดท้องน้อยซีกขวารุนแรงมาก ช่วงนั้นเป็นประจำเดือนในนะหว่างที่เป็นประจำเดือนมีอาการตกขาวเป็นเลือดเป็นระยะเวลา2สัปดาห์ ก็ได้ไปพบหมอตรวจฉี่ตรวจอะเรียบร้อยผลตรวจบอก เชิงอุ้งกรานอักเสบ ทางหมอก็ให้ยามารับประทานระยะเวลา 2-3สัปดาห์เท่าที่จำได้ และมีนัดตรวจต่อเนื่อง หลังจากที่ยาหมดอาการที่ตกขาวเป็นเลือด และปวดท้องน้อยซีกขวาก็หาย เมื่อวันนัดที่จะตรวจภายในอีกครั้งหมอถามอาการว่าเป็นยังไงบ้าง ดิฉันก็บอกไปว่าหายเป็นปกติค่ะ หมอก็เลยไม่ต้องตรวจภายในเพื่อดูซ้ำ และหมอก็บอกช่วงนี้งดกินยาคุมซักพักนะคะ และใช้วิธีป้องกันโดยการสวมถุงยางอนามัยนะคะ หลังจากวันนั้นดิฉันก็งดการรับประทานยาคุมสักระยะหนึ่งและใช้วิธีป้องโดยสวมถุงยางอนามัยเอา ...*เข้าเรื่องค่ะ* ล่าสุดดิฉันมีรอบเดือนวันที่ 18 เมษา 62 และก็หายเป็น จนมาถึงเดือนพฤษภา 62 นี้ ประจำเดือนของดิฉันยังไม่มาเลยค่ะ ในเดือนพฤษภาคมนี้ยังไม่มีเพศสัมพันธ์แต่อย่างใด อยากทราบว่ามันเกี่ยวกับที่บอกข้างต้นไหมคะ เกิดจากสาเหตุใดบ้างคะ แล้วมีวิธีรักษาอย่างไร หรือรับประทานอะไรให้ประจำเดือนมาปกติคะ *กังวลมากคือกลัวตั้งรรภ์ค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)