August 11, 2018 20:56
ตอบโดย
พิศุทธิกาญจญ์ รังคกูลนุวัฒน์ (พญ.)
สวัสดีค่ะ ลักษณะของคนไข้ คล้าย โรคเริมที่ อวัยวะเพศค่ะ
>>โรคเริม เกิดขึ้นได้เนื่องจากการติดเชื้อไวรัส Herpes โดยทางสัมผัสกับตุ่มของคนที่เป็นมาก่อนโดยตรง เช่น การมีเพศสัมพันธ์ เป็นต้น
>เมื่อผู้ป่วยได้รับเชื้อไวรัส เชื้อไวรัสจะแพร่กระจายและทำการฟักตัวภายใน 2 – 10 วัน และหลังจากนั้นก็จะเกิดเป็นตุ่นน้ำใส ๆ ขึ้นเป็นกลุ่มบริเวณอวัยวะเพศอย่างรวดเร็ว ซึ่งตุ่มน้ำใส ๆ นี้จะทำให้เกิดอาการคัน ปวดแสบปวดร้อน แต่จะแห้งและหายไปภายใน 7-10 วัน
>คนที่เคยเป็นแล้ว จะไม่หายขาด แต่จะมีช่วงที่อาการสงบค่ะ ความเครียด การพักผ่อนน้อยเป็นอีกสองสาเหตุ ที่ทำให้เกิดโรคเริมซ้ำได้เช่นเดียวกัน
>>การรักษา โรคเริมที่เกิดขึ้นบริเวณอวัยวะเพศ ถือได้ว่าไม่ใช่โรคร้ายแรงแต่อย่างใด หลังจากที่เป็นประมาณ 2 สัปดาห์ โรคเริมจะค่อย ๆ แห้งและหายไปเอง แต่ถ้าหากต้องการหายจากโรคเริมอย่างรวดเร็ว สามารถเลือกซื้อยาต้านเชื้อไวรัสเฉพาะที่ มาทาบริเวณที่เกิดโรคเริมได้เช่นเดียวกัน อีกทั้งผู้ป่วยยังคงสามารถรับประทานยาอะไซโคลเวียร์ร่วมด้วยได้ (ทานยาประมาณ 5 วันค่ะ) และถ้าหากมีอาการปวดมาก ยังคงสามารถประคบด้วยน้ำเกลือหรือน้ำเย็นที่บริเวณแผล วันละประมาณ 4-5 ครั้ง เพื่อช่วยลดอาการปวดให้ลดลงได้นั่นเอง
ดังนั้น แนะนำว่าให้ใจเย็นๆ และหมั่นรักษาสุขอนามัยบริเวณนั้น และงดมัเพศสัมพันธ์ข่วงนี้นะคะ รวมถึง รักษาคู่นอนด้วยค่ะ
สำหรับการดูแลสุขอนามัยที่ดีของบริเวณอวัยวะเพศ คือ การรักษาความสะอาดอยู่เสมอค่ะ
-เวลาล้าง ล้างด้วยน้ำสะอาดก็เพียงพอ ไม่จำเป็นต้องใช้ผลิตภัณฑ์หรือการสวนล้างช่องคลอดใดๆ หรือใช้สบู่อ่อนๆล้างรอบนอกอวัยวะเพศก็เพียงพอ
-ไม่แนะนำให้สวนล้างบ่อยๆ เนื่องจากช่องคลอดจะเสียสมดุลแบคทีเรียที่มีอยู่ตามปกติ และจะเป็นเชื้อราได้ง่าย
- ทำความสะอาดหลังปัสสาวะและหลังจากมีเพศสัมพันธ์
-เวลาเช็ดอวัยวะเพศหลังขับถ่าย ควรเช็ดจากหน้าไปหลัง
-กางเกงในไม่ควรคับ และแห้งไม่อับชื้น
- มีคู่นอนแค่คนเดียว และถ้าหากมีความเสี่ยงเกี่ยวกับการเปลี่ยนคู่นอนบ่อยๆ ควรป้องกันทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ เช่น การใส่ถุงยางอนามัย ค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ตอบโดย
พิศุทธิกาญจญ์ รังคกูลนุวัฒน์ (พญ.)
เนื่องจากไม่ได้เห็นภาพนะคะ ฟังจากคำอธิบายจึงอาจบอกได้ยากว่าตุ่มที่ว่า เป็นตุ่มแบบไหน ดังเช่น ตุ่มสีขาว ต้องแยกว่าเป็นตุ่มหนอง หรือไม่ใช่ หรือตุ่มที่คนไข้เห็นเป็นสีขาว อาจจะเคยเป็นตุ่มน้ำมาก่อน ซึ่งต้องมองรอยโรคหลายๆรอยโรคพร้อมกัน จึงจะได้การวินิจฉัยที่ถูกต้องมากที่สุด บางรอยโรค ถ้าตรวจร่างกายแล้ว ยังไม่สามารถวินิจฉัยได้ ก็ต้องส่งตรวจเพิ่มเติม เช่น นำตุ่มไปน้อมสีพิเศษ ดูไวรัส หรือ แบคทีเรีย เป็นต้น
นอกจากเริมแล้ว ตุ่มอวัยวะเพศ ยังมีอีกหลายโรค เช่น
-กลุ่มโรคอื่นๆ
1.การติดเชื้อที่ผิวหนัง หรือรูขุมขนอักเสบ เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนัง
2.ผิ่นแพ้ เช่น การแพ้ยา เป็นต้น
3.โรคแพ้ภูมิคุ้มกันตนเอง (autoimmune)
ดังนั้น เมื่อมีแผลที่อวัยวะเพศ จะเห็นว่า สามารถเป็นได้หลายอย่าง แนะนำให้คนไข้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายเพิ่ทเติมค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
มีตุ่มขึ้นที่อวัยวะเพศบริเวณแคมด้านนอกและด้านใน สีเนื้อๆ ไม่เจ็บ ไม่คัน ไม่แสบเลยคะ และขึ้นรวมกันเป็นจุดๆ จุดนึงประมาณสองตุ่ม เกิดขึ้นเพราะอะไรคะ??? และมีวิธีรักษาไหมคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)