คุณหมอคะ ตอนเเรกหนูเป็นประจำเดือนพอประจำเดือนหายได้สองวันหนูมีเพศสัมพันธ์เเบบป้องกันค่ะ เเต่รอบที่สองมีการสวมใส่เเบบไม่ได้ป้องกันเเต่ไม่ได้ทำอะไรนะคะไม่มีการหลั่งในด้วย พอเดือนต่อมาหนูมีประตำเดือนตามปกติ(หนูกินว่านชักมดลูกก่อนที่จะมีประตำเดือน) เเล้วอีกเดือนหนูมีการสอดใส่นิ้วค่ะอีกสองวันมีเลือดออกมาคล้ายๆประจำเดือนมีสีน้ำตาลเข้ม มาประมาณ4-5วัน วันเเรกมีเป็นเหมือนตกขาวค่ะเเต่มีสีน้ำตาล 2-3วันหลังเป็นเหมือนประเดือนเเต่มานิดเดียวค่ะมีสีน้ำตาลเข้มเหมือนกัน ไม่มีกลิ่น ไม่มีอาการคันค่ะ เเล้วประจำเดือนเดือนนี้หนูก็ไม่มีเลย มันเกิดจากอะไรหรอคะ

สวัสดีครับ
การมีเพศสัมพันธ์โดยการสอดใส่ที่ไม่มีการป้องกันนั้น ถึงแม้จะยังไม่มีการหลั่งก็อาจมีอสุจิที่ปนอยู่ในน้ำหล่อลื่นของผู้ชายหลุดลอดเข้าไปปฏิสนธิกับไข่ได้ทำให้มีโอกาสผิดพลาดตั้งครรภ์ได้ 4-22% ครับ ซึ่งถ้าหากในตอนนี้ยังไม่เกิน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์หมอก็แนะนำว่าควรหายาคุมฉุกเฉินมารับประทานให้เร็วที่สุดก่อนเพื่อลดโอกาสตั้งครรภ์ลง 75-85% แต่ถ้าหากเลย 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ไปแล้วก็จะไม่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้อีกครับ

และถ้าหากมีประจำเดือนขาดหายไปหมอก็แนะนำว่าควรลองตรวจการตั้งครรภ์ยืนยันดูก่อน โดยให้ตรวจห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจ ก็จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 97-99% ครับ

ส่วนอาการมีเลือดออกผิดปกติระหว่างรอบเดือนนั้นก็อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น
- มีระดับฮอร์โมนในเลือดที่ผิดปกติ
- มีการอักเสบติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน
- โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์บางอย่าง
- เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดปกติ
- การมีเนื้องอกบางอย่างที่ซ่อนอยู่ภายใน
เป็นต้น
ซึ่งถ้าหากเลือดที่ออกมานี้ออกมาในปริมาณมาก หยุดยาก ออกมาติดต่อกันหลายวัน หรือมีเลือดออกผิดปกติเกิดขึ้นบ่อยๆ หมอก็แนะนำว่าควรไปพบแพทย์นรีเวชเพื่อตรวจประเมินอาการเพิ่มเติมให้ทราบสาเหตุที่แน่ชัดก่อนเพื่อที่จะได้ให้การรักษาได้อย่างเหมาะสมครับ

ถ้าหากมั่นใจว่าเลือดที่ออกมาหลังมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายเป็นประจำเดือนตามปกติจริงๆก็ไม่ควรมีการตั้งครรภ์ครับ เพราะถ้าหากมีการตั้งครรภ์เยื่อบุโพรงมดลูกก็จะต้องเจริญหนาตัวขึ้นเรื่อยๆเพื่อรองรับการฝังตัวของตัวอ่อนและจะไม่หลุดลอกออกมาเป็นประจำเดือน และในกรณีนี้ประจำเดือนก็จะมาช้าได้จากสาเหตุอื่นๆ เช่น
- ไม่มีการตกไข่ในรอบเดือนที่ผ่านมา
- ระดับฮอร์โมนในเลือดที่ผิดปกติ
- ภาวะมีถุงน้ำหลายใบในรังไข่ (PCOS)
- ต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ
- การออกกำลังกายอย่างหักโหม
- น้ำหนักตัวที่มากหรือน้อยเกินไป
- ความเครียด
เป็นต้น

แต่ทั่วนี้ก็สามารถลองตรวจการตั้งครรภ์ตามช่วงเวลาที่หมอแนะนำเพื่อยืนยันให้แน่ใจก่อนได้ครับ