November 24, 2019 23:25
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
การที่ถุงยางอนามัยมีการฉีดขาดระหว่างมีเพศสัมพันธ์และได้รับประทานยาคุมฉุกเฉินไปแล้วจะทำให้โดยตั้งครรภ์ลดลงไปได้เหลือที่ประมาณ 15-25% ครับ
หลังจากนี้ถ้าหากต้องการลองตรวจการตั้งครรภ์ยืนยันให้แน่ใจก็สามารถตรวยได้เมื่อห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจ ก็จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 97-99% ครับ
นั่นคือถ้าหากมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายไปในวันที่ 22 พฤศจิกายน ก็จะสามารถตรวจการตั้งครรภ์ได้ในตอนเช้าของวันที่ 6 ธันวาคมครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
การมีเพศสัมพันธ์ในช่วง "หน้า 7 - หลัง 7" จะมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 24% ถ้าไม่ป้องกันใด ๆ ร่วมด้วย
การที่แฟนผู้ถามใช้ถุงยางอนามัยป้องกัน หากใช้ถูกต้องและไม่รั่วซึมหรือฉีกขาด จะมีโอกาสตั้งครรภ์เพียงแค่ 2% ซึ่งมีความเสี่ยงน้อยกว่าการป้องกันด้วยวิธีนับ "หน้า 7 - หลัง 7" จึงถือว่ารอบคอบดีแล้วที่ป้องกันด้วยถุงยางทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์นะคะ
อย่างไรก็ตาม ถ้าถุงยางฉีกขาด ก็จะไม่มีผลป้องกันจากถุงยางที่ใช้ จึงมีความเสี่ยงสูงขึ้นค่ะ การใช้ยาคุมฉุกเฉินโดยเร็วเพื่อเป็นวิธีป้องกันสำรอง ถือว่าแก้ไขปัญหาได้เหมาะสมแล้วนะคะ และอาจช่วยลดความเสี่ยงที่มีให้เหลือเป็น 15% ได้
ถ้าไม่ตั้งครรภ์ ประจำเดือนของผู้ใช้ยาคุมฉุกเฉินควรจะมาตามรอบปกติเดิม หรือคลาดเคลื่อนไม่กี่วันค่ะ ส่วนเลือดกะปริบกะปรอยที่เป็นผลข้างเคียงจากยา อาจพบภายใน 7 วันหลังรับประทาน หรืออาจไม่พบเลยก็ได้ ไม่ได้สำคัญอะไรนะคะ
ดังนั้น แนะนำให้รอดูว่าจะมีประจำเดือนมาตามรอบปกติเดิมหรือไม่ แต่ไม่ต้องสนใจว่าจะมีเลือดกะปริบกะปรอยภายใน 7 วันหลังรับประทานหรือเปล่า
ถ้าไม่มีประจำเดือนมา หรือถ้ากังวลว่าจะตั้งครรภ์ ก็สามารถตรวจให้ชัดเจนได้ โดยใช้ชุดทดสอบการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะ ตรวจในตอนเช้าหลังตื่นนอน ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วันค่ะ
ซึ่งถ้าวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดคือ 22 พฤศจิกายน ก็สามารถตรวจการตั้งครรภ์ด้วยชุดทดสอบทางปัสสาวะ หลังตื่นนอนตอนเช้าของวันที่ 6 ธันวาคมได้เลยนะคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ขอบคุณค่ะ แต่ถุงยางไม่ได้ขาดตรงปลาย ขาดช่วงกลางๆเกือบถึงโคนถุงยาง ก็เลยไม่แน่ใจว่าน้ำอสุจิจะออกมาจากถุงยางมากน้อยเพียงใดค่ะ จึงรีบกินยาคุมฉุกเฉิน
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
เมื่อถุงยางฉีกขาด ไม่ว่าจะเป็นส่วนใดก็ตาม ถือว่ามีความเสี่ยงที่ถุงยางจะป้องกันการตั้งครรภ์ไม่ได้ค่ะ การรับประทานยาคุมฉุกเฉินเป็นวิธีป้องกันสำรอง ถือว่าเหมาะสมแล้วนะคะ
แนะนำให้รอดูว่าจะมีประจำเดือนมาหรือไม่ หรือตรวจการตั้งครรภ์ในเวลาที่เหมาะสมตามที่แนะนำไปข้างต้นค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ขอบคุณมากๆเลยค่ะ😊
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
สอบถามหน่อยค่ะคุณหมอ ปกติเลือดที่ออกจากผลข้างเคียงของยาคุมฉุกเฉิน จะออกมาประมาณไหนคะ คือตั้งแต่เมื่อวานมีเลือดออก แต่ไม่ได้ออกแค่หยด2หยด แต่ออกมาเหมือนเวลาเป็นประจำเดือน เกิดจากอะไรคะแล้วจะมีปัญหาอะไรไหมคะ
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
ถ้าไม่มีการตั้งครรภ์ ผู้ที่ใช้ยาคุมฉุกเฉินส่วนใหญ่จะมีประจำเดือนมาตรงตามรอบปกติเดิม หรือคลาดเคลื่อนเพียงไม่กี่วันค่ะ โดยประจำเดือนปกติควรจะมีปริมาณมากจนชุ่มผ้าอนามัย 2 - 3 แผ่น/วัน และมาต่อเนื่องกัน 3 - 7 วันนะคะ
ส่วนเลือดที่เป็นผลข้างเคียงจากยาคุมฉุกเฉิน จะเป็นเพียงหยดเลือดซึมหรือเลือดกะปริบกะปรอย ไม่ได้มามากจนชุ่มผ้าอนามัยค่ะ อาจพบภายใน 7 วันหลังรับประทาน หรืออาจไม่พบเลยก็ได้ ไม่ได้สำคัญอะไร และไม่ได้บ่งชี้ว่าจะตั้งครรภ์หรือไม่ตั้งครรภ์
ดังนั้น ให้พิจารณาว่าเลือดที่ออกมานั้น มาตามรอบประจำเดือนปกติของผู้ถามหรือเปล่านะคะ ถ้าใช่ และมีปริมาณมากจนชุ่มผ้าอนามัย ก็เป็นไปได้ว่าจะเป็นประจำเดือนที่มาตามรอบปกติ หรือคลาดเคลื่อนเล็กน้อย ซึ่งถ้ามีประจำเดือนมาแล้วก็หมายถึงไม่มีการตั้งครรภ์นะคะ
แต่ถ้าเลือดที่ออกมานั้น มาไม่ใกล้เคียงรอบประจำเดือนปกติเลย แต่พบภายใน 7 วัน (โดยประมาณ) หลังรับประทานยาคุมฉุกเฉิน อีกทั้งไม่มีอาการผิดปกติอื่น ๆ ร่วมด้วย ก็น่าจะเป็นเพียงแค่ผลข้างเคียงจากยาค่ะ ยังสรุปไม่ได้ว่าจะตั้งครรภ์หรือไม่
ซึ่งถ้าไม่มีประจำเดือนมา หรือไม่มั่นใจ และกังวลว่าจะตั้งครรภ์ ก็สามารถตรวจให้ชัดเจนได้ โดยใช้ชุดทดสอบการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะ ตรวจในตอนเช้าหลังตื่นนอน ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วันนะคะ
อย่างไรก็ตาม ถ้ามีอาการผิดปกติอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ตกขาวผิดปกติ, มีกลิ่นเหม็นคาวหรือกลิ่นรุนแรง, แสบหรือคันช่องคลอด หรือปวดท้องรุนแรง หรือถ้ามีเลือดออกมามากและนานผิดปกติ ควรไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติมหาสาเหตุที่แท้จริง และพิจารณาการรักษาที่เหมาะสมค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
วันที่6ธันวาคม ลองตรวจการตั้งครรภ์แล้วขึ้นขีดเดียวค่ะ โดยปกติถ้านับตามรอบเดือนที่เคยบันทึกไว้ ประจำเดือนน่าจะมาวันที่14ธันวา วันที่17ธันวาประจำเดือนก็ยังไม่มา วันที่18ธันวาจึงลองตรวจดูอีกครั้งก็ขึ้นขีดเดียว วันนี้21ธันวาประจำเดือนก็ยังไม่มา อยากทราบว่าเป็นผลจากยาคุมฉุกเฉินใช่ไหมคะ แล้วปกติยาคุมฉุกเฉินทำให้ประจำเดือนคลาดเคลื่อนได้ประมาณกี่วันคะ
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
1. ผลจากงานวิจัยชี้ว่า ในกรณีที่ไม่ตั้งครรภ์ ผู้ใช้ยาคุมฉุกเฉินมากกว่า 90% จะมีประจำเดือนมาตรงเวลา หรือคลาดเคลื่อน (เร็วหรือช้าก็ได้) ไม่เกิน 4 วันค่ะ ดังนั้น ถ้าที่ผ่านมาผู้ถามมีประจำเดือนมาตรงเวลาสม่ำเสมอ ประจำเดือนรอบนี้ก็ควรจะมาตรงเวลาเหมือนเดิม หรือคลาดเคลื่อนเพียงไม่กี่วันนะคะ
แต่ถ้าที่ผ่านมาผู้ถามมีประจำเดือนมาไม่ตรงเวลาอยู่แล้ว ประจำเดือนรอบนี้ก็อาจคลาดเคลื่อนได้มากตามที่เคยเป็น ไม่ว่าจะมีการใช้ยาคุมฉุกเฉินหรือไม่ก็ตามค่ะ
2. อย่างไรก็ตาม หากผู้ถามใช้ชุดทดสอบการตั้งครรภ์ถูกวิธีตามที่ระบุไว้ในฉลาก และตรวจในเวลาที่เหมาะสมตามที่แนะนำไปข้างต้น เมื่อได้ผลตรวจออกมาเป็น 1 ขีด ก็เชื่อมั่นได้มากกว่า 99% ว่าไม่มีการตั้งครรภ์นะคะ
ซึ่งหากไม่มีประจำเดือนมาติดต่อกันตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไปทั้งที่ไม่ได้ตั้งครรภ์ หรือถ้ามีปัญหาประจำเดือนมาไม่ปกติอยู่เรื่อย ๆ ควรไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติมหาสาเหตุที่แท้จริง และพิจารณาการรักษาที่เหมาะสมค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ประจำเดือนวันแรกมา16พ.ย.62หมดประมาณ20พ.ย.62 แล้วมีเพศสัมพันธ์วันที่22พ.ย.62โดยใส่ถุงยางแต่พบว่าถุงยางมีการฉีกขาด จึงได้กินยาคุมฉุกเฉินไปวันที่22พ.ย.62อยากทราบว่ามีโอกาสที่จะตั้งครรภ์ไหมคะ แล้วถ้าจะตรวจการตั้งครรภ์ควรตรวจประมาณวันที่เท่าไรคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)