คุณหมอครับ ไม่ได้ป้องกันแต่หลั่งนอกแต่เหมือนมีน้ำหลั่งออกไป1หยด แต่คาดว่าอาจจะไม่มีอสุจิแน่นอน เพราะตอนช่วยตัวเองก็เคยสังเกตุ ว่าไม่มีอสุจิอยู่ แต่จะเป็นน้ำเมือก และหลั่งเสร็จ​ก็ใช้ผ้าเช็ดที่น้อชายจนแห้งแล้วก็ได้เสียบเข้าไปอีก (ในห้องมีอากาศ​ร้อน และผมก็ร้อนเหงื่อออกด้วยและน้องสาวของแฟนจะอุ่นๆร้อนๆ มีผลให้อสุจิตายไมครับ ซึ่งที่น้องสาวของแฟนเป็นกรดมีความเปรี้ยวและความเปรี้ยวนี้จะช่วยฆ่าอสุจิไมครับ หลังจากนั้นแฟนก็ไปอาบ)​ ต้องให้แฟนกินยากำเนิด ตลอดไปเลยใช่ไมครับ หรือว่า ให้แฟนกินยาคุมไป7วันแล้วค่อยหยุดกินยาคุม หรือว่าให้แฟนกินยาคุมไปจนถึงประจำเดือนมาแล้วค่อยหยุดกินถาวรจะท้องมั้ยครับ

ไม่ทราบว่าปัจจุบันนี้แฟนคุณได้รับประทานยาคุมกำเนิดอยู่หรือไม่ครับ

ถ้าหากในปัจจุบันไม่ได้รับประทานยาคุมกำเนิดอยู่ การมีเพศสัมพันธ์โดยการหลั่นอกก็มีโอกาสที่ตะผิดพลาดตั้งครรภ์ได้ 4-27% เนื่องจากในขณะที่มีการสอดใส่นั้นอาจมีอสุจิที่ปนอยู่ในน้ำหล่อลื่นของผู้ชายหลุดลอดเข้าไปปฏิสนธิกับไข่ได้ ซึ่งในกรณีนี้หมอก็แนะนำว่าควรรับประทานยาคุมฉุกเฉินให้เร็วที่สุดก่อน โดยให้รับประทานภายใน 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ก็จะช่วยลดโอกาสตั้งครรภ์ลงได้ 75-85% แต่ถ้าหากเลยช่วงเวลาดังกล่าวไปแล้วก็ยังอนุโลมให้รับประทานภายใน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ได้ แต่ประสิทธิภาพของยาก็จะลดลงไปเรื่อยๆตามเวลาที่ผ่านไปครับ

แต่ถ้าหากเป็นกรณที่รับประทานยาคุมอยู่แล้ว หมอก็ต้องขอทราบข้อมูลเพิ่มเติมสักเล็กน้อยเพื่อให้สามารถให้ข้อมูลได้ถูกต้องครับ
- ปัจจุบันรับประทานยาคุมยี่ห้ออะไร
- ปัจจุบันรับประทานยาคุมเป็นแผงที่เท่าไหร่ รับประทานเม็ดที่เท่าไหร่ของแผง
- เริ่มรับประทานยาคุมแผงนี้ตั้งแต่วันที่เท่าไหร่
- วันแรกของการมีประจำเดือนครั้งสุดท้ายคือวันที่เท่าไหร่

ถ้าหากเป็นในกรณีนี้ยาคุมที่รับประทานก็จะไม่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ครับ เนื่องจากยาคุมแบบรายเดือนตามปกตินั้นจะเริ่มมีผลป้องกันการตั้งครรภ์ได้ในทันทีต่อเมื่อรับประทานยาก่อนที่จะมีเพศสัมพันธ์และเริ่มรับประทานภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือนครับ ในกรณีที่เริ่มรับประทานยาช้ากว่า 5 วันแรกของการมีประจำเดือนก็จะต้องรับประทานยาติดต่อกันนานอย่างน้อย 7 วันก่อนยาจึงจะเริ่มมีผลป้องกันการตั้งครรภ์ได้ครับ

เนื่องจากยาคุมที่รับประทานไม่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ในขณะนี้ไม่สามารถช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ในตอนนี้ได้ หมอจึงแนะนำว่าควรหยุดรับประทานยาคุมดังกล่าวไปก่อน และให้หายาคุมฉุกเฉิน เช่น ยี่ห้อมาดอนน่า โพสทินอร์ แมรี่พิงค์ เมเปิลฟอร์ท มารับประทานแทนก่อนครับ

การรับประทานยาคุมฉุกเฉินนั้นควรรับประทานให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ภายในเวลาไม่เกิน 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์เพื่อที่จะช่วยลดโอกาสผิดพลาดตั้งครรภ์ลง 75-85% แต่ถ้าหากเลยช่วงเวลาดังกล่าวไปแล้วก็ยังอนุโลมให้รับประทานภายใน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ได้ แต่ประสิทธิภาพของยาก็จะลดลงไปเรื่อยๆตามเวลาที่ผ่านไปครับ

โดยทั่วไปแล้วในยาคุมฉุกเฉิน 1 แผงจะมียา 2 เม็ด สามารถรับประทานได้ 2 วิธี คือ
1. รับประทานพร้อมกันทีเดียว 2 เม็ด
2. รับประทานทีละ 1 เม็ดห่างกัน 12 ชั่วโมง
ซึ่งจะเลือกรับประทานยาด้วยวิธีใดก็ได้เพราะประสิทธิภาพของยาจะเท่ากันครับ แต่การรับประทานในรูปแบบ 2 เม็ดพร้อมกันอาจมีข้อดีเหนือกว่าตรงที่ไม่ต้องกังวลว่าจะลืมรับประทานยาเม็ดที่ 2

แต่ก็อาจมียาคุมฉุกเฉินบางยี่ห้อที่มียา 1 เม็ดในแผงเดียว ก็สามารถรับประทานยาเม็ดนั้นเม็ดเดียวได้เลยครับ

และถ้าหากยังต้องการรับประทานยาคุมชนิด 28 เม็ดเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์จากการมีเพศสัมพันธ์ในอนาคต หมอก็แนะนำให้รอให้ประจำเดือนมาก่อนเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีการตั้งครรภ์และให้เริ่มรับประทานยาคุม 28 เม็ดภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือนครับ ส่วนในระหว่างนี้ถ้าจะมีเพศสัมพันธ์อีกก็ควรใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยทุกครั้งครับ

ถ้าหากได้มีประจำเดือนมาตามปกติหลังจากนี้แล้วก็แสดงว่าไม่มีการตั้งครรภ์จากการมีเพศสัมพันธ์ในครั้งนี้ครับ

และถ้าหากไม่ได้มีเพศสัมพันธ์อีกหลังประจำเดือนมาแล้วก็ไม่จำเป็นต้องรับประทานยาคุม 28 เม็ดเพิ่มอีกเนื่องจากไม่ได้มีความเสี่ยงในการตั้งครรภ์อยู่แล้วตั้งแต่ต้นครับ

ในตอนนี้ให้รับประทานเฉพาะยาคุมฉุกเฉินอย่างเดียวก่อนครับ เพราะยาคุมชนิด 28 เม็ดจะยังไม่มีผลในการป้องกันการตั้งครรภ์ในตอนนี้

หลังรับประทานยาคุมฉุกเฉินไปแล้วก็ให้รอสังเกตดูว่าจะมีประจำเดือนมาตามปกติหรือไม่ ถ้าหากประจำเดือนขาดหายไปก็ให้ลองตรวจการตั้งครรภ์ยืนยันดูเพื่อความแน่ใจ โดยให้ตรวจห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจ ก็จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 97-99% ครับ

และถ้าหากยังต้องการรับประทานยาคุมชนิด 28 เม็ดเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์จากการมีเพศสัมพันธ์ในอนาคต หมอก็แนะนำให้รอให้ประจำเดือนมาก่อนเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีการตั้งครรภ์และให้เริ่มรับประทานยาคุม 28 เม็ดภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือนครับ ส่วนในระหว่างนี้ถ้าจะมีเพศสัมพันธ์อีกก็ควรใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยทุกครั้งครับ

ในช่วงวันแรกๆของการรับประทานยาคุมฉุกเฉินอาจมีผลข้างเคียงทำให้มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ปวดศีรษะ คัดตึงเต้านม ตกขาวมากขึ้น และมีเลือดออกกระปริดกระปรอยระหว่างรอบเดือนได้ครับ ถ้าหากอาการเหล่านี้เป็นอยู่เพียงไม่กี่วันและไม่ได้รุนแรงมาก็สามารถสังเกตอาการต่อไปก่อนได้ครับ

และหลังจากนี้ก็ให้รอสังเกตดูว่าประจำเดือนของรอบเดือนนี้จะมาตามปกติหรือไม่ ถ้าหากประจำเดือนมาตามปกติแล้วก็จะเป็นการบ่งบอกว่าไม่มีการตั้งครรภ์ แต่ถ้าหากประจำเดือนขาดหายไปนานก็ควรลองตรวจการตั้งครรภ์ยืนยันให้แน่ใจก่อน โดยให้ตรวจห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจ ก็จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 97-99% ครับ

ถ้าหากมีการตั้งครรภ์โดยไม่พร้อม หมอไม่แนะนำให้หาซื้อยามายุติการตั้งครรภ์ด้วยตัวเองหรือไปยุติการตั้งครรภ์ในสถานพยาบาลที่ไม่ได้มาตรฐานครับ เนื่องจากมีโอกาสที่จะทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น มีการติดเชื้อ ตกเลือดได้ง่าย และอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ครับ

ถ้าหากต้องการที่จะยุติการตั้งครรภ์หมอแนะนำว่าควรไปพบสูติแพทย์ในโรงพยาบาลเพื่อตรวจประเมินความเหมาะสมของการยุติการตั้งครรภ์ทั้งในแง่ของทางการแพทย์และทางกฎหมายก่อน เพื่อให้การยุติการตั้งครรภ์เป็นไปด้วยความถูกต้องและปลอดภัยมากที่สุดครับ

นอกจากนี้ก็ยังมีทางออกอื่นๆสำหรับการตั้งครรภ์โดยไม่พร้อมอีก เช่น การยกบุตรให้เป็นบุตรบุญธรรมของผู้อื่น ฝากบุตรไว้ในสถานสงเคราะห์และไปรับกลับมาเมื่อมีความพร้อม รวมถึงยังสามารถโทรไปที่สายด่วนสำหรับผู้ตั้งครรภ์โดยไม่พร้อมเบอร์ 1663 เพื่อขอคำปรึกษาและหาทางออกที่เหมาะสมได้อีก 1 ช่องทางครับ

หลังรับประทานยาคุมฉุกเฉินอาจมีผลข้างเคียงให้ประจำเดือนมีการคลาดเคลื่อนได้เล็กน้อยครับ ถ้าหากเลือดที่ออกมานั้นยังมีลักษณะที่ใกล้เคียงกับประจำเดือนในรอบเดือนก่อนหน้านี้ก็มีโอกาสที่จะเป็นประจำเดือนจริงได้ครับ