มีประจำเดือนวันที่1ตุลา มีเพศสัมพันธ์วันที่15ตุลา ป้องกันโดยการใส่ถุงยางและกินยาคุมฉุกเฉิน มีอาการคัดตึงเต้านม1สัปดาห์ก่อนเป็นประจำเดือนประจำเดือนวันที่29ตุลา 3-4วัน วันที่11พฤษจิกามีตกขาวสีขาวขุ่นปนๆสีใสประมาณ1สัปดาห์ วันที่12ได้ซื้อที่ตรวจครรภ์มาตรวจผลคือ1ขีด วันที่26พฤศจิกามีอาการคัดตึงเต้านม+นมขยายใหญ่ขึ้นคล้ายๆจะเป็นประจำเดือน วันที่27พฤษจิกาซื้อมาตรวจอีกรอบก็1ขีด วันที่30-1ธันวามีเพศสัมพันธ์(วันละครั้ง) ป้องกันด้วยการใส่ถุงยาง(ใส่น้ำแล้วลองบีบดูก็ไม่รั่ว)และกินยาคุมฉุกเฉินวันที่1ธันวากินหลังจากมีเพศสัมพันธ์3-4ชม. วันที่3ธันวา เริ่มมีอาการเป็นหวัด วันที่4ธันวาอาการคัดตึงเต้านม+นมเล็กลงหาย แต่ประจำเดือนยังไม่มา อยากถามคุณหมอว่า มีโอกาสท้องได้ไหมคะ แล้วการเป็นหวัดเป็นสาเหตุทำให้ประจำเดือนยังไม่มาด้วยไหมคะ

สวัสดีครับ
การใช้ถุงยางอนามัยป้องกันการตั้งครรภ์นั้นเป็นวิธีการป้องกันการตั้งครรภ์ที่มีประสิทธิภาพสูงมากแล้วครับ เพราะถ้าหากใช้ถุงยางอนามัยได้อย่างถูกต้องก็จะมีโอกาสผิดพลาดตั้งครรภ์ได้เพียง 2% เท่านั้น และในกรณีนี้ก็ไม่มีความจำเป็นต้องรับประทานยาคุมฉุกเฉินครับ

การรับประทานยาคุมฉุกเฉินโดยไม่จำเป็นนั้นนอกจากจะไม่ช่วยลดโอกาสตั้งครรภ์แล้วยังเป็นการทำให้ร่างกายได้รับผลข้างเคียงจากยาคุมที่มากขึ้นด้วยครับ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ปวดศีรษะ คัดตึงเต้านม ตกขาวมากขึ้น เลือดออกกระปริดกระปรอยระหว่างรอบเดือน รวมถึงถ้าหากรับประทานยาคุมฉุกเฉินในช่วงที่ใกล้จะเป็นประจำเดือนมากๆก็จะมีผลให้ประจำเดือนเลื่อนห่างออกไปได้ครับ อาการที่เกิดขึ้นในตอนนี้จึงอาจเป็นผลข้างเคียงมาจากยาคุมฉุกเฉินได้ แต่การเป็นหวัดนั้นจะไม่มีผลให้ประจำเดือนคลาดเคลื่อนครับ

หลังจากนี้หมอแนะนำให้ใจเย็นๆและรอสังเกตดูก่อนว่าประจำเดือนจะมาตามปกติหรือไม่ ถ้าหากประจำเดือนขาดหายไปนานจริงๆ หมอก็แนะนำให้ลองตรวจการตั้งครรภ์ดูอีกครั้ง โดยให้ตรวจห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจ ก็จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 97-99% ครับ

และในครั้งต่อไปที่จะมีเพศสัมพันธ์อีกถ้าหากได้มีการใช้ถุงยางอนามัยแล้วและถุงยางอนามัยไม่มีการแตกรั่วก็ไม่จำเป็นต้องรับประทานยาคุมฉุกเฉินอีกครับ