คือว่ามีเพศสัมพันธ์ตอน(สดหลั่งนอก)แล้วทานยาคุมฉุกเฉินเม็ดแรกทันที(เวลา 23.25น.)ของวันที่20 แล้วเรามีอีกทีเวลาประมาณตีสองกว่าๆ(ใส่ถุงหลั่งนอก) แล้วมีอีกทีเวลาประมาณตีห้าจะหกโมงเช้า(ใส่ถุงหลั่งนอก)แล้วทานยาคุมฉุกเฉินเม็ดที่2(เวลา 11:25น.)ของวันที่21แล้วมีอีกเวลา18:00น.ไม่สำเร็จความใคร่(ใส่ถุง)มีอีกทีตอน03:10น.(ใส่ถุงหลั่งนอก) มีอีกทีเวลาตีห้ากว่าๆ(สดหลั่งนอก)*(หลั่งใส่ปากทุกรอบและกลืนทุกรอบ)จะท้องไหมคะ

สวัสดีค่ะ
ไม่มีการคุมกำเนิดแบบไหนที่ให้ผล 100% ค่ะ นอกจากการไม่มีเพศสัมพันธ์เลยค่ะ (abstinence)
การมีเพศสัมพันธ์ แบบหลั่งนอก มีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 4-22% เนื่องจากน้ำหล่อลื่นของเพศชายก็อาจมีเชื้ออสุจิปนอยู่ได้ค่ะ
การสวมถุงยางอนามัย อย่างถูกต้องมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 2-15 %
การรับประทานยาคุมฉุกเฉินภายใน 24 ชม มีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 10-15%

จากประวัติข้างต้น รอบที่ไม่ได้สวมถุงยางอนามัย แล้วทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน ถือว่าทำได้ถูกต้องค่ะ
การหลั่งใส่ปากนั้น ไม่ทำให้ตั้งครรภ์ค่ะ

แนะนำตรวจการตั้งครรภ์ด้วยปัสสาวะ ซึ่งจะตรวจได้เองหลังมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้าย 14 วัน จึงจะแปลผลน่าเชื่อถือค่ะ

ทั้งนี้ หากยังไม่พร้อมตั้งครรภ์ แนะนำการคุมกำเนิดโดยวิธีการทานยาคุมรายเดือน การใส่ห่วง การสวมถุงยางอนามัย การฉีดยาคุมกำเนิด และการฝังยาคุมกำเนิด เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากกว่า ควรศึกษาถึงข้อดีข้อเสียและความสะดวกของตนเอง เพื่อการคุมกำเนิดอย่างมีประสิทธิภาพค่ะ

การกลืนอสุจิไม่ได้ทำให้ตั้งครรภ์ค่ะ

แต่การสอดใส่อวัยวะเพศชายเข้าไปในช่องคลอดโดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย ไม่ว่าจะหลั่งนอกหรือหลั่งใน ก็มีความเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์ได้ค่ะ โดยการหลั่งนอกมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 4 - 22% แต่โดยทั่วไปถือว่าความเสี่ยงค่อนไปทางสูง คือ 22% นะคะ ซึ่งแม้จะเสี่ยงน้อยกว่าการหลั่งใน ที่มีโอกาสตั้งครรภ์ 85% แต่ก็เสี่ยงมากกว่าการใช้ถุงยางอนามัยหลายเท่า เพราะถ้าใช้ถุงยางถูกต้องและไม่รั่วซึมหรือฉีกขาด จะมีโอกาสตั้งครรภ์เพียง 2%

การใช้ยาคุมฉุกเฉินอาจช่วยลดความเสี่ยงลงมาได้บ้าง แต่เนื่องจากประสิทธิภาพที่ไม่สูงนัก ดังนั้น แม้จะใช้เร็วและครบขนาด ก็ยังมีโอกาสตั้งครรภ์ได้อย่างน้อย 15% ค่ะ

ดังนั้น การมีเพศสัมพันธ์แบบ "สดหลั่งนอก" ของผู้ถามในครั้งแรก ที่มีการรับประทานยาคุมฉุกเฉินไปแล้ว ก็ถือว่ามีโอกาสตั้งครรภ์ได้อย่างน้อย 15% นะคะ

การมีเพศสัมพันธ์แบบใส่ถุงยางในครั้งต่อ ๆ มา ไม่มีผลคุมกำเนิดต่อเนื่องจากยาคุมฉุกเฉินนะคะ แต่ถ้าใช้ถูกต้องและถุงยางไม่รั่วซึม จะมีโอกาสตั้งครรภ์น้อยมาก คือ 2% ค่ะ

ส่วนการมีเพศสัมพันธ์แบบ "สดหลั่งนอก" ในครั้งล่าสุดของผู้ถาม จะมีโอกาสตั้งครรภ์ 22% และหากต้องการลดความเสี่ยงดังกล่าวให้น้อยลง แนะนำให้รับประทานยาคุมฉุกเฉินโดยเร็วที่สุดที่ทำได้ ยิ่งเร็วยิ่งดี อย่างช้าไม่เกิน 120 ชั่วโมงค่ะ

หรืออาจไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อพิจารณาการใส่ห่วงอนามัยชนิดหุ้มทองแดง ภายใน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ (นับจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก) เพราะวิธีนี้มีประสิทธิภาพสูงมาก ผู้ใช้มีโอกาสตั้งครรภ์เพียง 0.6 - 0.8% เท่านั้น และมีผลคุมกำเนิดได้นาน 3 - 10 ปี ขึ้นกับรุ่นของห่วงอนามัยที่ใช้ ผู้ถามจะได้ไม่ต้องกังวลว่าจะตั้งครรภ์หากจะมีเพศสัมพันธ์ในครั้งต่อ ๆ ไปด้วยค่ะ

การหลั่งนอกช่องคลอดเป็นการที่ผู้ชายถอนอวัยวะเพศออกจากช่องคลอดขณะกำลังร่วมเพศก่อนที่จะถึงจุดสุดยอดและก่อนหลั่งน้ำอสุจิ ความเสี่ยงหลักของวิธีนี้คือการที่ผู้ชายอาจกะเวลาไม่ถูก อัตราการล้มเหลวในการใช้ปีแรกอยู่ที่ 4% เมื่อใช้อยากถูกต้อง และ 22% สำหรับการใช้ทั่วไป หมายถึงโอกาสตั้งครรภ์ได้ 22 % ค่ะ

วิธีการรับประทานยาคุมฉุกเฉินที่ถูกต้องคือ รับประทานเม็ดแรกให้เร็วที่สุด ภายหลังมีเพศสัมพันธ์แบบที่ไม่ได้ป้องกันภายใน 72 ชั่วโมง และรับประทานเม็ดที่ 2 หลังจากเม็ดที่ 1 ภายใน 12 ชั่วโมง และไม่แนะนำให้รับประทานยาเกิน 4 เม็ด หรือ 2 กล่องต่อเดือนยาเม็ดคุมกําเนิดแบบฉุกเฉินสามารถยับยั้งหรือทําให้การตกไข่เลื่อนออกไป อย่างไรก็ตามยาเม็ดคุมกําเนิดแบบฉุกเฉินทําให้ระดับฮอร์โมนเปลี่ยนแปลงอาจทําให้เยื่อบุโพรงมดลูกไม่เหมาะในการฝังตัวของไข่ที่ถูกผสมแล้วค่ะ

รับประทานให้ครบขนาด คือ 1 แผงตามปกติค่ะ

นั่นหมายถึง หากผู้ถามใช้ยาคุมฉุกเฉินที่มีแผงละ 2 เม็ด ก็ต้องรับประทานให้หมดทั้ง 2 เม็ดนะคะ จะแยกเป็นครั้งละเม็ด รวม 2 ครั้ง ห่างกัน 12 ชั่วโมงตามวิธีรับประทานดั้งเดิมก็ได้ หรือจะรับประทาน 2 เม็ดพร้อมกันในครั้งเดียวตามวิธีใหม่ก็ได้ค่ะ ผลข้างเคียงไม่แตกต่างกัน (แต่การศึกษาใหม่ ๆ จะชี้ว่าการรับประทานแบบครบขนาดในครั้งเดียวอาจมีประสิทธิภาพดีกว่า อีกทั้งยังสะดวกในการใช้ และไม่ต้องกังวลว่าจะลืมรับประทานยาเม็ดที่สองด้วยค่ะ)

หรือถ้าใช้ยาคุมฉุกเฉินที่มีแผงละ 1 เม็ด ก็รับประทานเม็ดเดียวครั้งเดียวค่ะ

ไม่ว่าจะเป็นยาคุมฉุกเฉินยี่ห้อที่มีแผงละ 2 เม็ด หรือ 1 เม็ด ก็เป็นตัวยาเดียวกันและมีปริมาณยารวมทั้งแผงเท่ากัน ประสิทธิภาพและผลข้างเคียงจึงไม่แตกต่างกันค่ะ จะใช้ยี่ห้อใดก็ได้ที่ผู้ใช้สะดวกนะคะ

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นก็เหมือนผลข้างเคียงปกติที่พบได้ค่ะ คือ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะ เจ็บคัดตึงเต้านม เลือดกะปริบกะปรอย หรือประจำเดือนอาจคลาดเคลื่อนนิดหน่อย ซึ่งอาจพบผลข้างเคียงที่กล่าวมานี้มากขึ้น, นานขึ้น หรืออาจไม่พบเลยก็ได้เช่นกัน

แต่ไม่พบว่าทำให้เกิดผลข้างเคียงที่มีอันตรายรุนแรงหรือถาวรใด ๆ ค่ะ