ผิวหนังมีอาการคันเป็นบางครั้ง เป็นที่ใต้ร่มผ้าค่ะ ผิวเปลี่ยนสี เริ่มเป็นสีน้ำตาลคล้ำ ตอนแรกเป็นด้านขวาแค่จุดสีน้ำตาลเล็กๆ สักหน่อยเริ่มมีขยายใหญ่ขึ้น หลายเดือนต่อมา ขยับมาเป็นตรงกลางแทน แต่ด้านขวาก็หายแล้ว ตอนนี้เกือบปีแล้วมาเป็นด้านซ้ายแทน ตรงกลางก็หายแต่ยังมีรอบจางๆสีน้ำตาล ไม่ทราบว่าเป็นอะไรคะ ทายาผิวหนังก็ไม่หาย

สวัสดีครับ ถ้าคันมาก อาจจะเกิดจากโรค  
1.กลาก ซึ่งเป็นเชื้อรา กลุ่ม dermatophyte ครับ จะมีอาการคัน มีผื่นวงแดง มีขุ่ยๆลอก การรักษาคือ การทายาฆ่าเชื้อราอย่างน้อย 2 อาทิตย์ครับ  
2.เชื้อราพวก candida ซึ่งจะคันมาก มีตุ่มแดงๆขึ้นตามที่ต่างๆ ไม่มีขุ่ย การรักษาคือการทายาแก้เชื้อราอย่างน้อย 2 สัปดาห์ เช่นกันครับ 
3.การแพ้จากการสัมผัสสารต่างๆ จะมีวงขาวๆ แดงๆ และเป็นขุ่ยๆได้เช่นกัน เช่นการแพ้ผ้าอนามัย เป็นต้นครับ

ถ้าอาการไม่ดีขึ้นแนะนำให้ลองตรวจกับแพทย์ที่โรงพยาบาลดูครับ

จากภาพและอาการของคนไข้นั้น อาจเกิดได้จากการติดเชื้อราบริเวณผิวหนัง ซึ่งเกิดได้ทั้งจากความชื้น การรักษาความสะอาดของร่างกายไม่ดีพอ ใส่เสื้อผ้าซ้ำ อากาศร้อนอบอ้าวเป็นต้น การรักษานั้น รักษาด้วยครีมทาฆ่าเชื้อราเป็นเวลาประมาณ14วันครับ

นอกจากนี้การแพ้ครีม สารทาหิวต่างๆ แพ้อากาศ แพ้สารเคมีจากการทำงานก้อาจทำให้เกิดผื่นได้เช่นกันครับ

รวมทั้งโรคผิวหนังช้าง ที่เรียกว่า Acanthosis Nigricans เป็นภาวะที่ผิวหนังโดยเฉพาะบริเวณคอ รักแร้ ขาหนีบ รวมทั้งหิวหนะงภายในใต้ร่มผ้ามีการหนาตัวขึ้นและทำให้ผิวหนังมีผิวสีคล้ำมักจะเกิดในผู้ที่อ้วนและมีอินซูลินในร่างกายสูง ซึ่งเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวานครับ