สวัสดีค่ะคุณหมอ หนูมีเรื่องวิตกกังวล เรื่องความรู้สึกตัวเองค่ะ หนูเรียนระดับมหาลัย ปี1 ค่ะพอดีว่าหยุดเรียนเพราะว่า โดนอาจารย์ว่าค่อนข้างรุนแรง แต่สำหรับคนอื่นอาจจะไม่รุนเเรงนะคะ เเต่สำหรับหนูอาจารย์ว่าถึงพ่อกับเเม่ เเล้วหนูรักท่านมาก มันเลยรุนเเรงมากสำหรับหนู แต่หนูก็รู้นะคะว่าวันนั้นหนูผิดหนูเล่นโทรศัพท์ตอนครูเขาเเนะนำตัว เเต่ในความรู้สึกหนูความผิดครั้งนั้นของหนู มันไม่จำเป็นที่จะต้องดุด่าถึงพ่อเเม่ขนาดนั้นเลยจริงๆคะ หนูก็อดทนนะคะที่เรียนต่อเเต่ไม่ไหวจริงๆมันรู้สึกอึดอัด เพราะหนูชอบมหาลัยนี้มาก คาดหวังมากว่าครูผู้สอนจะเป็นครูที่ดีมีการศึกษาเเต่ทั้งชีวิตหนูตั้งเเต่เรียนมาไม่มีครูคนไหนว่าถึงพ่อเเม่ขนาดนนี้เลยค่ะ หนูโทรหาแม่ว่าหนูอึดอัดเรียนไม่ได้ มันเป็นความรู้สึกอึดอัดที่ได้เรียนกับคนที่ชี้หน้าด่าเรา ด่าพ่อเเม่เรา เเม่หนูเข้าใจนะคะ เเต่พอเลิกเรียนออกมาเรื่องนี้มันก็อยู่ในหัวตลอด ตื่นกลางดึกทุกวันร้องไห้กลางดึกทุกวัน ว่าทำไมเขาต้องด่าพ่อเเม่เราขนาดนั้น ทั้งๆที่พ่อกับเเม่เป็นคนดีมาก หนูจะหยุดเรียนพ่อเเม่ก็เข้าใจ ท่านไม่ได้ตามใจนะคะ หนูเป็นคนที่เข้มเเข็งมาก หนูไม่เคยร้องไห้เเล้วโทรหาเเม่เลยตลอดชีวิต ครั้งนี้ครั้งเเรกหนูเลยมีความรู้สึกว่าอาจจะทำให้ท่านผิดหวังด้วยซ้ำ **หนูควรจะเอาเรื่องที่อาจารย์ว่าพ่อเเม่เรา เรื่องที่อาจจะทำให้พ่อเเม่ผิดหวัง ออกจากความคิดได้ยังไงคะ ??

สวัสดีครับ
การที่ถูกดุ ถูกด่าว่าอย่างรุนแรงนั้นในบางครั้งก็อาจทำให้เกิดความรู้สึกที่ไม่ดีตามมาได้ โดยเฉพาะถ้าหากในประเด็นนั้นเป็นประเด็นที่เราให้ความสำคัญกับมันมากๆครับ

จากเรื่องที่เล่ามานั้นหมอคิดว่าก่อนหน้านี้คุณคงรู้สึกคาดหวังกับการเรียนในมหาวิทยาลัยแห่งนี้มากๆและคุณเองก็ให้ความสำคัญกับความรู้สึกของพ่อแม่ เมื่อถูกด่าว่าไปถึงพ่อแม่จึงย้อมส่งผลกระทบต่อจิตใจได้อย่างรุนแรงเนื่องจากสิ่งที่คุณให้ความสำคัญทั้ง 2 เรื่องนั้นได้รับผลกระทบไปพร้อมกันทั้งที่คุณรู้สึกว่าคุณอยากตั้งใจเรียนในมหาวิทยาลัยตามที่ได้ตั้งใจและไม่อยากให้พ่อแม่ได้รับผลกระทบจากการกระทำที่ไม่ดีของคุณและคุณก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะทำให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น

อย่างไรก็ตามเมื่อมีความรู้สึกผิดเกิดขึ้นโดยปกติแล้วเมื่อเวลาผ่านไปก็ควรที่จะปล่อยวางเรื่องที่เกิดขึ้นได้และสามารถกลับไปใช้ชีวิตตามปกติได้ครับ การที่ยังมีการเก็บเอาเรื่องราวเหล่านี้กลับมาคิดจนทำให้เกิดอารมณ์เศร้าและมีผลกระทบกับการใช้ชีวิตและการเรียนตามมานั้นก็มีโอกาสที่จะกลายเป็นโรคทางด้านจิตใจบางอย่างโดยเฉพาะโรคซึมเศร้าได้ครับ

ในกรณีนี้หมออยากให้คุณลองไปปรึกษาจิตแพทย์เพื่อตรวจประเมินอาการเพิ่มเติมดูก่อน เพื่อที่จะได้ให้การรักษาที่เหมาะสมเพื่อคลายปมในใจเหล่านี้ออกให้ได้ครับ

การแก้ไขหรือจัดการกับความรู้สึกแย่เหล่านี้ สามารถทำได้โดยการ

1.ยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น การที่ครูดุในเหตุการณ์ที่เขากำลังแนะนำตัวแล้วหนูไม่สนใจมัวแต่เล่นโทรศัพท์ ครูอาจแปลความว่าหนูไม่ให้เกียรติเขา ทำให้เขามีอารมณ์โกรธ เลยแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวออกมา
ซึ่งการที่ครูด่าหนู จริงๆมันเป็นปัญหาของครู ไม่ใช่ปัญหาของหนู อยากให้หนูปรับมุมมอง เข้าใจความรู้สึกของครู

2. อยากให้หนูมองปัญหาอย่างเป็นกลาง จากเหตุการณ์ครั้งนี้เราผิดจริงมั้ย ถ้าตามมารยาททางสังคมพี่มองว่าการที่หนูเล่นโทรศัพท์ในขณะที่ครูแนะนำตัวมันก็ไม่ถูกกาลเทศะนะคะ

3.ควรหาเวลาไปขอโทษครูเขา และนำเหตุการณ์ครั้งนี้มาเป็นบทเรียน หากหนูไม่กล้าเผชิยหน้ากับครู หนูอาจจะหาเพื่อนสักคนหนึ่งที่พอจะเป็นตัวกลางระหว่างครูกับหนู การขอโทษในครั้งนี้เป็นการแสดงว่าเรายอมรับความผิดที่เกิดขึ้น และเป็นสิ่งที่ศิษย์ควรทำต่อครูเพราะเป็นการแสดงถึงความเคารพนะคะ

แต่หากหนูหนีปัญหา มองปัญหาแค่มุมเดียว หนูก็จะทุกข์ใจปรับตัวกับปัญหาไม่ได้ ไม่กล้าเผชิญหน้ากับครู ส่งผลกระทบต่อการเรียน กระทบต่อความรู้สึกของครอบครัว และจะเป็นปัญหาอีกหลายด้านตามมาค่ะ

ลองทำอย่างที่พี่แนะนำดูก่อนนะคะ หากทำแล้วยังรู้สึกไม่ดี ปรับตัวไม่ได้ นอนไม่หลับ รู้สึกผิด นานเกิน 2 สัปดาห์ แนะนำพบจิตแพทย์ ประเมินอาการอื่นๆเพิ่มเติม วินิจฉัยโรคให้แน่ชัด แล้วรับการรักษาตามแนวทางที่เหมาะสมต่อไปค่ะ

สวัสดีครับ

ขอตอบเฉพาะเจาะจงในคำถามที่ถามมาในบรรทัดสุดท้ายนะครับ ซึ่งหากต้องการที่จะเอาเรื่องนี้ออกไป อาจจะต้องถามกลับนะครับว่า โดยปกติแล้วคนสามารถดุด่ากันได้หรือไม่ และคำถามต่อมาคือคิดว่าการที่เขาด่าว่าพ่อแม่เรา มันทำให้เรา หรือคุณพ่อคุณแม่ เป็นไปอย่างที่เขาว่าหรือไม่

ผมคิดว่าสิ่งที่คุณได้รับก็ไม่ค่อยยุติธรรมหรือสมเหตุสมผลซักเท่าไหร่ครับ แต่ถ้าหากจะถามว่าแล้วตัวเราเองอยู่ในคลาสของเขาตลอดหรือไม่ ยังมีคลาสเรียนอื่นๆอีกหรือเปล่าที่เราไม่ต้องเจอเขา ถ้าหากว่ามีคลาสเรียนอื่นๆ ที่ไม่ได้รู้สึกอึดอัดที่ไปเข้าเรียน แล้วอะไรเป็นสิ่งที่ทำให้คุณยอมให้คำพูดของอาจารย์เข้ามาขัดขวางความสุข หรือความสนุกที่คุณจะได้รับจากการเรียนในมหาวิทยาลัยครับ

อาจจะต้องลองมองย้อนกลับมานะครับว่าตอนนี้เราทำอะไรอยู่ และเรายังอยู่ในคลาสเรียนนั้นหรือไม่ ถ้าหากมีคำตอบและอยากแลกเปลี่ยนกันก็สามารถพิมพ์เข้ามาเพิ่มเติมได้นะครับ