มีอาการคันและแสบ ถ้าตอนขับถ่ายอุจจาระจะเจ็บมากๆ มีเลือดติดออกมาด้วย ผมเป็นอะไรหรอครับ มีวิธีรักษา หรือยาทารักษาให้หายไหมครับ ไม่กล้าไปพบแพทย์ครับ

การถ่ายเป็นเลือดสด ร่วมกับมีอาการแสบบริเวณทวารหนัก เป็นได้หลายสาเหตุครับ เช่น โรคริดสีดวงทวาร (hemorrhoid), มีบาดแผลบริเวณรูทวารหนัก (anal fissure), ติดเชื้อในลำไส้ เป็นต้น ซึ่งการวินิจฉัยต้องอาศัยการซักประวัติ และตรวจร่างกายเพิ่มเติมครับ ดังนั้นแนะนำให้ไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลเพื่อตรวจและให้การรักษาครับ
—————————————
ในกรณีผู้ถามแนะนำให้ไปพบแพทย์แผนกศัลยกรรมครับ จะได้รู้สาเหตุที่แน่ชัด และแนวทางการรักษาครับ ไม่ควรซื้อยาทานเองครับ

จากภาพอาจเกิดได้จากแผลรอยแยกบริเวณขอบทวาร หรือ anal fissure ซึ่งทำให้มีอาการปวดมากขณะอุจจาระและมีเลือดปนขณะอุจจาระได้ครับ ซึ่งพบได้จากการเสียดสีบริเวณทวารหนักมากๆเช่น อุจจาระแข็งมาก หรือการร่วมเพศทางทวารหนักเป็นต้น

นอกจากนี้สาเหตุอื่นๆที่พบได้เช่น ริดสีดวงทวาร ซึ่งเกิดจากเส้นเลือดบริเวณทวารหนักโป่งพองออก เกิดได้ในคนที่นั่งอุจจาระนานๆ เป็นต้น

รวมทั้งฝีบริเวณทวารหนักที่เกิดได้จากการติดเชื้อบริเวณผิวหนัง ก้ทำให้มีอาการปวดขณะอุจจาระได้เช่นกัน

ฉะนั้นคนไข้ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจทวารและหาสาเหตุที่ชัดเจน เนื่องจากการเห็นด้วยภาพเพียงอย่างเดียวไม่สามารถบอกรายละเอียดได้ทั้งหมดครับ ต้องอาศัยการตรวจร่างกายโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เช่น ศัลยกรรมทั่วไป หรือศัลยกรรมทวารหนัก เป็นต้น เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสมครับ

การปฏิบัติตัวเบื้องต้น
1.นั่งแช่ก้นในน้ำอุ่นวันละ2-3ครั้ง ครั้งละ10-15นาที เพื่อช่วยให้การไหลเวียนของเลือดไปบริเวณแผลได้ดีมากขึ้น และช่วยทำให้หูรูดคลายตัว
2.การดื่มน้ำมากๆจะช่วยให้อุจจาระไม่แข็งตัวมาก ทำให้ขับถ่ายง่ายขึ้น
3.รับประทานอาหารที่มีกากใย เพื่อช่วยให้มวลอุจจาระนิ่มขึ้นขณะขับถ่ายครับ

ถ่ายแล้วเจ็บรูทวาร มักจะเป็นทวารหนักส่วนนอก หรือผิวหนังบริเวณนั้นครับ

สามารถเกิดจากได้ หลายอย่างครับ เช่น ฝีหรือแผลบริเวณนั้น ติ่งเนื้อ ริดสีดวงทวารที่ยื่นออกมา จนไปถึงเนื้องอกบริเวณทวารหนักครับ

ถ่ายเป็นเลือดร่วมด้วย ต้องดูว่า

ถ้าเป็นเลือดสด/ลิ่มเลือด ส่วนใหญ่จะเป็นโรคของทางเดินอาหารส่วนล่างและทวารหนักครับ เช่น ลำไส้ติดเชื้อ ลำไส้อักเสบ ก้อนเนื้อ/ตื่งเนื้อบริเวณลำไส้ ริดสีดวงทวาร แผลบริเวณรูทวาร เป็นต้นครับ

ถ้าเป็นเลือดสีดำคล้ายยางมะตอย มีกลิ่นเหม็น ส่วนใหญ่จะเป็นโรคของทางเดินอาหารส่วนบน เช่น แผลที่หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร และลำไส้เล็กส่วนต้น เนื้องอก หรือโรคของหลอดเลือดผิดปกติ เป็นต้นครับ

แนะนำให้ไปพบแพทย์ครับ เพื่อซักประวัติ และตรวจร่างกายอย่างละเอียดครับ เพราะแต่ละโรคมีความรุนแรงและเร่งด่วนต่างกันครับ

เบื้องต้นถ้ามีอาการท้องผูกร่วมด้วย แนะนำให้ ไม่นั่งอุจจาระนาน ดื่มน้ำให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีกากใยมากๆ ครับ

สวัสดีค่ะ เลือดที่ออกเป็นเลือดสดรึเปล่าคะ หากใช่มีโอกาสที่จะเป็นริดสีดวงทวารหรือหากเป็นคนที่ท้องผูก คนไข้มักจะมีอุจจาระแข็งทำให้ถ่ายลำบาก เกิดบาดแผลบริเวณรูทวารทำให้เลือดออกได้ค่ะ เบื้องต้นแนะนำให้ดื่มน้ำมากๆ พยายามถ่ายเป็นเวลาทุกวัน ทานผักผลไม้ที่มีกากใยมากๆค่ะ หากมีติ่งเนื้อคล้ายริดสีดวงทวารบริเวณก้น แนะนำให้พบแพทย์เพื่อรักษา อาจต้องทานยาหรือเหน็บยาให้ริดสีดวงทวารฝ่อลงค่ะ แต่หากถ่ายเป็นเลือดสีดำคล้ำแนะนำให้รีบพบแพทย์อาจเกิดได้จากสาเหตุอื่นๆ ค่ะ

สวัสดีครับ
อาการแสบคันที่บริเวณทวารหนักในลักษณะนี้อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุครับ เช่น แผลที่ทวารหนัก เริม ฝีที่ทวารหนัก การติดเชื้อรา

หมอแนะนำว่าในกรณีนี้ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจประเมินอาการโดยละเอียดอีกครั้งก่อนเพื่อที่จะได้ให้การรักษาได้อย่างเหมาะสมครับ

สวัสดีค่ะ
อาจเป็นได้หลายอย่างค่ะ ต้องดูรอยโรคเป็นสำคัญ แต่ถ้าดูจากประวัติอย่างเดียวนึกถึง แผลปริหรือแผลฉีกที่ขอบทวารมากที่สุดค่ะ โดยอาการจะมีเลือดสดออกมาขณะถ่ายหรือติดกระดาษชำระ ร่วมกับเจ็บมากเวลาถ่ายเหมือนมีอะไรมาบาดบริเวณรูทวาร วิธีการรักษาคือ
-เพิ่มอาหารเส้นใยสูง
-ทำให้อุจจาระนิ่มโดยการดื่มน้ำเยอะๆ
-รับประทานยาระบายอ่อนๆถ้าท้องผูก
-ถ้ามีอาการท้องเสียต้องแก้เหตุ
-หลังถ่ายให้ล้างด้วยน้ำอุ่น และนั่งแช่ก้นด้วยน้ำอุ่น
-รับประทานยาแก้ปวด ใช้ยาทาหรือยาสอดเหน็บทวาร
-ในกรณีเป็นมากอาจมีภาวะแทรกซ้อนอักเสบเป็นหนอง ในกรณีนี้ต้องได้รับยาฆ่าเชื้อค่ะ

ส่วนเรื่องเริม ถ้าเป็นซ้ำบ่อยๆ ควรได้รับยา acyclovir 400 mg รับประทานวันละ 3 ครั้ง นาน 5 วันค่ะ ซึ่งต้องสั่งจ่ายโดยแพทย์ค่ะ เพราะต้องประเมินอาการก่อนได้ยา

สุดท้ายแนะนำว่าควรพบศัลยแพทย์เพื่อตรวจร่างกายโดยละเอียดค่ะ ปล่อยไว้นานจะรักษายากขึ้นค่ะ

เรื่องเริม

เบื้องต้น แนะนำให้ดื่มน้ำมากๆ หลีกเลี่ยงความเครียด พักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นที่กล่าวมาครับ
และคนใกล้ชิด ให้หลีกเลี่ยงการสัมผัสแผล สารคัดหลั่ง เช่น น้ำลาย ของผู้ป่วย, ควรงดการทีเพศสัมพันธ์จนกว่าแผลจะหายสนิทครับ

และแนะนำให้ไปพบแพทย์จะดีที่สุด เพื่อซักประวัติ และตรวจร่างกายอย่างละเอียด
บางครั้งถ้าเริ่มเป็นแล้วรีบไปพบแพทย์ หรือมีโรคเริมเป็นซ้ำบ่อยๆ อาจมีข้อบ่งชี้ในการกินยาลดจำนวนไวรัส เพื่อลดระยะเวลาการเป็นโรค/การเจ็บปวด ลดระยะเวลาการแพร่เชื้อ และลดโอกาสการเป็นซ้ำครับ

ไม่แนะนำให้ซื้อยากินเอง เพราะยาต้านไวรัสมีผลข้างเคียงต่อไต ได้ครับ