October 30, 2019 00:00
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
การมีเพศสัมพันธ์ที่มีการใช้ถุงยางอนามัยแล้วนั้นไม่มีความจำเป็นต้องรับประทานยาคุมร่วมด้วยครับ เนื่องจากการมีเพศสัมพันธ์โดยการใช้ถุงยางอนามัยเป็นวิธีที่ปลอดภัยจากการตั้งครรภ์มากอยู่แล้ว โดยถ้าหากใช้ถุงยางอนามัยได้อย่างถูกต้องก็จะมีโอกาสผิดพลาดตั้งครรภ์ได้เพียง 2% เท่านั้น และถ้าหากนานๆจะมีเพศสัมพันธ์ครั้งหนึ่งการใช้ถุงยางอนามัยเพื่อคุมกำเนิดเป็นครั้งๆไปก็อาจจะสะดวกมากกว่าครับ
แต่ถ้าหากต้องการรับประทานยาคุมรายเดือนเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ร่วมด้วยก็จะสามารถเริ่มรับประทานได้ 2 แนวทาง คือ
1. เริ่มรับประทานภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือน ในกรณีนี้จะทำให้ยาคุมมีผลป้องกันการตั้งครรภ์ได้ทันทีตั้งวันแรกที่รับประทานยาคุม
2. เริ่มรับประทานในช่วงที่ไม่ตรงกับ 5 วันแรกของการมีประจำเดือน ในกรณีนี้จะต้องรับประทานยาคุมติดต่อกันให้ได้มากกว่า 7 วันก่อน ยาคุมจึงจะเริ่มมีผลป้องกันการตั้งครรภ์ได้หลังจากนั้นครับ
โดยผลดีของการรับประทานยาคุมร่วมกับการใช้ถุงยางอนามัยนั้นก็คือยาคุมจะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้อีกชั้นหนึ่งในกรณีที่ถุงยางอนามัยมีการฉีกขาดครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
สวัสดีค่ะ สอบถามค่ะว่า ถ้าแพลนจะมีเพศสัมพันธ์กับแฟนวันที่ 1 ธค 62 วันที่ 29 ตค 62 มีประจำเดือนเป็นวันที่ 2 ต้องกินยาคุมตั้งแต่วันที่ 30 ตค 62 เลยไหมคะ เคยอ่านเค้าบอกต้องกินยาคุมวันแรกของการมีประจำเดือน เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ แต่วางแผนจะสวมถุงยาง และหลั่งข้างนอกอยู่แล้ว จำเป็นต้องกินยาคุมอีกไหมคะ แล้วถ้าควรกินควรกินตั้งแต่วันไหนถึงวันไหนหรอคะ คือปกติระยะเวลา 4-5 เดือนจะมีเพศสัมพันธ์สัก 1ครั้ง ไม่ได้มีตลอดอะคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)