June 23, 2019 22:50
ตอบโดย
วชิรวิทย์ สุทธิศักดิ์ (แพทย์ทั่วไป) (นพ.)
กรณีคนไข้ ต้องใช้ยาคุมฉุกเฉินครับ ถ้าไม่ได้กินยาคุมหรือคุมกำเนิดอื่นๆร่วมด้วยอยู่ก่อนครับ
ถ้าคนไข้กินยาคุมฉุกเฉิน หากมีเพศสัมพันธ์อีกหลังรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินรอบเเรก ครบสองเม็ดซึ่งเป็นช่วงที่ฤทธิ์ของยาคุมกำเนิดฉุกเฉินลดลง มีโอกาสตั้งครรภ์ครับ
..............
ดังนั้นก็อาจเริ่มยาคุมฉุกเฉินแผงใหม่ได้ครับแต่อาจเพิ่มความเสี่ยงของอาการข้างเคียงจากยา เช่น คลื่นไส้ อาเจียน เจ็บเต้านม เลือดประจำเดือนแปรปรวน หรือมีเลือดออกผิดปกติ ดังนั้นหากต้องการมีเพศสัมพันธ์ต่อไปแนะนำให้ใช้ถุงยางอนามัย หรือรับประทานยาคุมกำเนิดชนิดปกติทั่วไปครับ
...............
เเละเดือนนึงไม่ควรใช่ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินเกินสองเเผงครับ
...............
(ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินมีผลรบกวนกระบวนการตกไข่ รบกวนการที่อสุจิจะเข้าไปผสมกับไข่ รวมทั้งส่งผลเปลี่ยนแปลงเยื่อบุโพรงมดลูกเพื่อทำให้ยากแก่การฝังตัวของไข่ที่ผสมกับอสุจิแล้ว การรับประทานยาคุมฉุกเฉินไม่ได้มีผลป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 100% แต่เป็นการไปลดโอกาสตั้งครรภ์ลงจากเดิม ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินหากรับประทานยาเม็ดแรกภายใน 72 ชั่วโมง หลังการมีเพศสัมพันธ์ตามด้วยยาเม็ดที่สอง จะให้ประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 75% แต่หากเริ่มยาเม็ดแรกภายใน 24 ชั่วโมง หลังการมีเพศสัมพันธ์ จะให้ประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์เพิ่มขึ้นเป็น 85% ดังนั้นจึงควรรับประทานยาเม็ดแรกหลังการมีเพศสัมพันธ์ให้เร็วที่สุดครับ )
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
นิธิวัฒน์ ตั้งชมพู (นพ.)
สวัสดีครับ
ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน ใช้เป็นครั้งต่อครั้งครับ ไม่มีฤทธิ์การคุมกำเนิดไปข้างหน้าครับ ดังนั้น หากครั้งนี้ ถุงยางอนามัยฉีดขาดอีก จึงมีความจำเป็นที่จะต้องใช้ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินอีกครั้งครับ เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ครับ
ปัจจุบันพบว่า การใช้ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินบ่อยๆ ยังไม่พบผลกระทบที่ร้ายแรง เช่น การเพิ่มการท้องนอกมดลูก หรือ ทำให้เป็นหมันครับ แต่อย่างไรก็ตาม การทานบ่อยๆ อาจเพิ่มผลข้างเคียงได้ เช่น เลือดออกกระปริบกระปรอย ปวดท้องประจำเดือน คลื่นไส้ อาเจียน เป็นต้น
นอกจากนี้ ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน อาจไห้ผลการคุมกำเนิดไม่ดีนัก (85-90%เมื่อใช้อย่างถูกต้องภายใน 24 ชม) เมื่อเทียบกับวิธีอื่น เช่น ยาคุมรายเดือน การฝังยา หรือฉีดยาคุมครับ (คุมกำเนิดได้กว่า 99%)
แนะนำว่า หาก มีปัญหาถุงยางอนามัยบ่อยๆ อาจเปลี่ยนไปใช้วิธีอื่นร่วมด้วย เช่น การฝังยา จะดีกว่าครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
เมื่อมีการผิดพลาดจากการใช้ถุงยางอนามัยรอบใหม่ ก็สามารถรับประทานยาตุมฉุกเฉินใหม่อีกครั้งได้ครับ
การรับประทานยาคุมฉุกเฉินหลายครั้งในรอบเดือนเดียวกันนั้นอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงจากยาคุมฉุกเฉินที่มากขึ้นได้บ้าง เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ปวดศีรษะ คัดตึงเต้านม ตกขาวมากขึ้น เลือดออกกระปริดกระปรอยระหว่างรอบเดือน ซึ่งผลข้างเคียงเหล่านี้ก็จะไม่ก่อให้เกิดอันตราย และการรับประทานยาคุมฉุกเฉินในกรณีนี้ก็ยังให้ประโยชน์ที่คุ้มค่าอยู่แม้จะมีผลข้างเคียงเกิดขึ้นได้ครับ
ดังนั้นในกรณีนี้หมอแนะนำให้หายาคุมฉุกเฉินมารับประทานให้เร็วที่สุดอีกครั้งก่อน โดยให้รับประทานภายใน 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ก็จะช่วยลดโอกาสตั้งครรภ์ลงได้ 75-85% ครับ แต่ถ้าหากเลยช่วงเวลาดังกล่าวไปแล้วก็ยังอนุโลมให้รับประทานภายใน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ได้ แต่ประสิทธิภาพของยาก็จะลดลงไปเรื่อยๆตามเวลาที่ผ่านไปครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
ผลข้างเคียงที่อาจพบได้ เช่น คลื่นไส้, อาเจียน, ปวดศีรษะ, เจ็บคัดตึงเต้านม และมีเลือดออกกะปริบกะปรอย มักจะไม่รุนแรงและหายเองได้ และยังไม่พบข้อมูลที่น่าเชื่อถือว่ายาคุมฉุกเฉินทำให้เกิดอันตรายที่รุนแรงหรือถาวรใด ๆ ค่ะ
ดังนั้น ในกรณีนี้ แนะนำให้รีบรับประทานยาคุมฉุกเฉินเพื่อลดความเสี่ยงของการตั้งครรภ์ให้น้อยลงนะคะ
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากประสิทธิภาพของยาคุมฉุกเฉินไม่ได้สูงนัก แม้จะใช้ครบขนาดและทันเวลาก็ยังมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 15 - 25% จึงต้องรอดูว่าจะมีประจำเดือนมาตามปกติหรือไม่ (ไม่ต้องสนใจว่าจะมีเลือดกะปริบกะปรอยที่เป็นผลข้างเคียงจากยาคุมฉุกเฉินภายใน 7 วันหลังรับประทานหรือเปล่า เนื่องจากไม่ได้สำคัญอะไรค่ะ)
ถ้าไม่มีประจำเดือนมาก็ควรตรวจการตั้งครรภ์ให้ชัดเจน โดยใช้ชุดทดสอบทางปัสสาวะ ตรวจในตอนเช้าหลังตื่นนอน ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วันนะคะ
แต่เนื่องจากผู้ถามน่าจะใช้ถุงยางอย่างไม่เหมาะสมซึ่งทำให้ถุงยางฉีกขาดบ่อย ๆ ดังนั้น ในช่วงที่รอให้ประจำเดือนมา ควรงดมีเพศสัมพันธ์ไปก่อน และเมื่อประจำเดือนมาแล้ว หากคาดว่าจะมีเพศสัมพันธ์อีกเรื่อย ๆ แนะนำให้แฟนผู้ถามไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อพิจารณาการคุมกำเนิดด้วยวิธีที่เหมาะสม แทนการใช้ถุงยางอนามัย หรืออาจใช้ร่วมกันค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ผมมีเพศสัมพันธ์กับแฟนวันศุกร์ช่วงเวลาประมาณช่วงดึกๆแต่ดันถุงแตก ตื่นเช้าวันเสาร์มา เลยไปซื้อยาคุมมากินตามปกติพอผ่านมาวันอาทิตย์ตอนช่วงดึกๆผมกับแฟนก็มีเพศสัมพันธ์อีกถุงก็แตกอีก ผมอยากทราบว่าถ้ากินยาคุมอีกครั้งจะเป็นอันตรายต่อแฟนผมมั้ยครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)