อยากปรึกษาหมอหรือนักจิตวิทยา อาการโรคจิตกลัวโรคพิษสุนัขบ้าของผมกลับมาอีกละครับ ช่วยตอบหน่อยนะครับ // สวัสดีครับ ผมจากกระทู้ https://www.honestdocs.co/ask/33249244 นะครับ ตอนนั้นผมกลัวโรคพิษสุนัขบ้ามากๆ จนต้องไป รพ. โกหกหมอหลายครั้งเพื่อให้ได้ฉีดยาให้ได้สบายใจ หลังจากกระทู้นั้นผมหายกลัวไปพักนึง เพราะดันไปเป็น OCD เรื่องอื่นแทน ตอนนี้มีเหตุการณ์ทำให้กลับมาคิดอีกแล้วครับ วันก่อนผมขึ้น BTS ช่วงคนเยอะๆ ตอนกำลังจะเสียบบัตรออก แล้วมีคนถืออะไรซักอย่างมาข่วนขาตรงน่องผม ผมใส่ขาสั้นอยู่ หันไปมองก็มองไม่ทันว่าโดนของอะไรจากคนไหนข่วน เพราะคนเบียดๆกันเยอะ ถ้าเป็นคนปกติคงไม่คิดอะไร แต่ผมคิดไปว่าคนๆนั้นจะแอบถือกรงใส่สัตว์เลี้ยงเข้ามา แล้วตอนเค้าเดินผ่านหลังผมเล็บของสัตว์โผล่จากกรงมาข่วนขาผม สัตว์นั้นอาจจะเป็น หมา แมว กระรอก หนู กระต่าย เป็นไปได้หมด (จริงๆลึกๆผมคิดว่า ของที่ข่วนผมคงเป็นมุมของกระเป๋าถือนั่นแหละ มีโอกาสเป็นไปได้ที่สุดแล้ว โอกาสที่จะเป็นสัตว์เป็นไปได้น้อยมากๆ แต่ก็ไม่ใช่ 0 นั่นแหละทำให้ผมกังวล) หลังจากนั้นผมมาดูขาผมเป็นรอยแดงบางๆ ซึ่งปกติผิวเป็นภูมืแพ้ ขึ้นผื่นคันได้ง่ายอยู่แล้ว เลยไม่รู้ว่ารอยแดงนั้นคือผื่นคัน หรือรอยโดนของข่วน ผมกังวลมากนอนไม่หลับ กระทู้ก่อนหมอหลายท่านแนะนำให้ผมไปหาจิตแพทย์แต่ผมยังไม่กล้าไปเพราะกลัวที่บ้านรับไม่ได้ เลยอยากมาปรึกษาจิตแพทย์ทางออนไลน์ไปก่อน ถามว่า มีวิธีแก้อาการของผมเบื้องต้น ให้ความกังวลลดลงมั้ยครับ คุณหมอมีความคิดเห็นอย่างไรเพิ่มเติมกับอาการของผมบ้างครับ?

สวัสดีครับ
การที่มีความคิดซ้ำๆเกี่ยวกับเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผลอยู่บ่อยๆโดยที่ไม่สามารถห้ามได้แบบในกรณีนี้อาจเป็นอาการของโรคย้ำคิดย้ำทำตามที่หมอเคยอธิบายเอาไว้ในคำถามก่อนหน้านี้ครับ

โรคย้ำคิดย้ำทำสามารถเกิดขึ้นได้ในหลายรูปแบบ ไม่ได้จำเพาะว่าจะต้องเป็นกับเรื่องกลัวการติดเชื้อต่างๆเท่านั้น ตราบใดที่ยังคงมีความคิดซ้ำๆเข้ามาในหัวอย่างไม่เหมาะสมและยังต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อลบล้างความคิดนั้นหรือหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่ทำให้เกิดความคิดเหล่านั้นอยู่ก็ยังอาจเป็นอาการของโรคย้ำคิดย้ำทำที่ก่อให้เกิดปัญหาได้ครับ

การตรวจประเมินอาการโรคย้ำคิดย้ำทำควรทำโดยการพูดคุยกับจิตแพทย์โดยตรงเท่านั้น เมื่อจิตแพทย์แน่ใจแล้วว่าสาเหตุเกิดจากโรคย้ำคิดย้ำทำจริงก็จะให้การรักษาที่เหมาะสมต่อไปไม่ว่าจะเป็นด้วยการใช้ยาเพื่อลดความกังวลหรือการทำจิตบำบัด หรืออาจทำทั้ง 2 อย่างควบคู่กันไปก็ได้ครับ

จากในกรณีของคุณนั้นหมอคิดว่าอาการเหล่านี้เริ่มส่งผลรบกวนชีวิตของคุณมากแล้ว จึงไม่ควรปล่อยให้อาการเหล่านี้เป็นอยู่นาน แต่ควรไปพบจิตแพทย์เพื่อให้การรักษาเพื่อให้อาการดีขึ้นให้เร็วที่สุดครับ

การให้คำปรึกษาทางออนไลน์นั้นหมออาจช่วยให้คำปรึกษาในเบื้องต้นเพื่อให้คุณเข้าใจอาการที่เป็นอยู่มากขึ้นได้เท่านั้นแต่ไม่สามารถช่วยรักษาเพื่อให้อาการเหล่านี้หายไปได้ หมอจึงอยากให้คุณได้ไปพบจิตแพทย์โดยตรงเพื่อให้การรักษาก่อนครับ

การรักษาโรคนี้ หากไม่สามารถควบคุมความคิดได้ การรักษาอาจจำเป็นต้องใช้ยาเพื่อลดความวิตกกังวลร่วมกับการทำจิตบำบัดค่ะ

โรคเหล่านี้มีสาเหตุหลักมาจากความผิดปกติของสารเคมีในสมอง การที่เราจะพยายามควบคุมความคิดหรือพยายามหยุดคิด อาจทำได้ยาก หากใช้ยารักษาจะช่วยบรรเทาอาการได้มากทีเดียวค่ะ ยาจะช่วยปรับสมดุลสารเคมีในสมองช่วยให้เราสามารถควบคุมความคิด อารมณ์ พฤติกรรมที่เหมาะสมได้ตามความจริงค่ะ

ในกรณีที่ไม่กล้าบอกที่บ้าน ที่จริงการไปพบจิตแพทย์หนูสามารถไปพบจิตแพทย์ได้ด้วยตัวเองนะคะ หรือจะขอคุยแบบเปิดใจหาข้อมูลเกี่ยวกับโรคนี้ ให้ครอบครัวได้มีความรู้จะช่วยสนับสนุนให้คุณเข้ารับการรักษาด้วยวิธีที่เหมาะสมนะคะ

หากรู้ว่าวิตกกังวลมากเกินไป ให้เบี่ยงเบนความคิดหรือไปทำกิจกรรมอื่นแทน หากยังคงคิดเรื่องเดิม ให้ทบทวนความคิด และหาเหตุผลที่แท้จริงมาโต้แย้งความคิดนั้น อาจจะวาดผังความคิดลงในกระดาษ เพื่อจะได้เห็นเป็นรูปธรรม และใช้เหตุผลที่เป็นจริงมาแก้ต่าง วิธีการนี้อาจทำด้วยตัวเองได้ยาก จริงๆแล้วจะต้องมีผู้บำบัดคอยดูแลนะคะ

ในคนที่เป็นโรคย้ำคิดย้ำทำจริงๆนั้นจะสามารถห้ามหรือหยุดความคิดของตนเองได้ยากครับ การเบี่ยงเบนความคิดของตนเองมุ่งความไปที่อย่างอื่นอาจพอช่วยให้สามารถลดความคิดที่เข้ามารบกวนได้บ้างแต่ก็ไม่ใช่วิธีการที่ยั่งยืนและถาวรครับ

สุดท้ายแล้ววิธีที่จะได้ผลดีนอกเหนือจากการใช้ยาก็จะต้องเริ่มจากการรู้เท่าทันความคิดของตนเองครับ ในช่วงที่ผ่านมานั้นเมื่อมีความคิดที่ไม่สมเหตุสมผลเข้ามาคุณอาจจะมีการทำพฤติกรรมบางอย่างเพื่อลบล้างความคิดเหล่านั้นเพื่อให้ความกังวลบรรเทาลง เช่น พยายามหาข้อมูลเพื่อให้ตัวเองสบายใจ หาคนมาช่วยรับรองความปลอดภัยให้ตนเอง เช็คดูบาดแผลที่เกิดขึ้นซ้ำๆและบอกกับตัวเองว่าไม่น่าเกิดจากการที่ถูกสัตว์ข่วน สิ่งที่จะเกิดขึ้นจากการมีพฤติกรรมเหล่านี้นี้คือคุณจะเรียนรู้ว่าการกระทำเหล่านี้จะช่วยให้คุณรู้สึกสบายใจได้ เมื่อมีความคิดเรื่องเดิมวนเข้ามาอีกคุณก็จะเริ่มกลับไปทำพฤติกรรมเดิมๆกลายเป็นวงจรที่ไม่รู้จักสิ้นสุด สุดท้ายแล้วอาการย้ำคิดย้ำทำก็จะเกิดขึ้นซ้ำไปซ้ำมาเรื่อยๆครับ

สิ่งที่ควรทำในกรณีนี้คือคุณต้องสร้างการเรียนรู้ให้กับตัวเองใหม่ คือ ถ้าหากคุณสามารถทนกับความคิดที่วนเวียนเข้ามาได้ ปล่อยให้ความคิดนั้นไหลผ่าหัวไปเรื่อยๆ สุดท้ายแล้วความคิดเหล่านี้ก็จะหายไปได้เอง ซึ่งก็จะช่วยให้คุณเกิดการเรียนรู้ว่าความคิดซ้ำๆเหล่านั้นไม่ใช่ความจริงและไม่จำเป็นต้องทำอะไรเพื่อลบล้างความคิดเหล่านี้ และคุณก็จะหยุดวงจรของการย้ำได้ในที่สุดครับ

อย่างไรก็ตามกระบวนการในการสร้างการเรียนรู้ให้ตนเองใหม่นั้นเป็นเรื่องที่ทำได้ค่อนข้างยากถ้าไม่ได้รับการฝึกสอนอย่างใกล้ชิด รวมถึงความคิดเหล่านี้ก็อาจหายไปได้ง่ายกว่าถ้าได้ใช้ยาช่วยครับ

ดังนั้นหมอแนะนำว่าในกรณีนี้ควรไปพบจิตแพทย์เพื่อตรวจประเมินอาการก่อนน่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดครับ

หากสิ่งของเหล่านั้นเป็นของทั่วไป และขาของคุรไม่ได้มีแผลถลอกหรือมีเลือดไหล คิดว่าคุณหมอคงไม่ฉีดวัคซีนพิษสุนัขบ้าให้นะคะ อาการนี้เป็นอาการของโรควิตกกังวล ซึ่งควรรับการรักษาที่ต้นเหตุคือการลดความวิตกกังวล การไปฉีดวัคซีนอาจทำให้รู้สึกสบายใจได้แค่ชั่วคราว แต่ความวิตกกังวลยังคงอยู่เหมือนเดิม ลองคิดตามเหตุผล ถ้าไม่มีความเสี่ยง หากไปฉีดวัคซีน จะทำให้เกิดผลเสียอะไรบ้าง (เสียเงิน เสียเวลา บางครั้งการได้รับวัคซีนมากเกินความจำเป็นก็จะส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายได้ ) รวบรวมความกล้านะคะ แล้วไปพบจิตแพทย์ เชื่อว่าคุณทำได้ จะได้รักษาที่ต้นเหตุ ลดความทุกข์ทรมานใจลงได้นะคะ

จากคำถามล่าสุดของคุณ หมอขอชี้ประเด็นบางอย่างให้คุณเห็นดังนี้นะครับ คำตอบของคำถามที่ว่า “คุณหมอคิดว่าความเสี่ยงเป็นโรค จากการโดนคนถืออะไรไม่รู้มาข่วนที่สถานีรถไฟฟ้าของผมมีมากน้อยแค่ไหนครับ?“ ตัวคุณนั้นรู้คำตอบดีอยู่แล้วครับ เพียงแต่ที่คุณตั้งคำถามนี้มาเป็นเพราะว่าคุณมีความกังวลที่ไม่สามารถห้ามได้ ทำให้ต้องหาคนมาช่วยยืนยันเพื่อให้เกิดความสบายใจ สิ่งนี้ก็จะตรงกับสิ่งที่หมอเคยอธิบายไปก่อนหน้านี้ คือ ถ้ายิ่งคุณทำพฤติกรรมที่ตอบสนองกับความกังวลมากเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งเรียนรู้ที่จะทำพฤติกรรมซ้ำๆเหล่านี้มายิ่งขึ้นเท่านั้น และถ้าหากคุณไม่หยุดพฤติกรรมดังกล่าว ความกังวลที่เข้ามาภายในหัวคุณก็จะไม่มีทางหายไปครับ ในกรณีนี้ทางที่ดีที่สุดจึงควรเป็นการไปพบจิตแพทย์เพื่อตรวจประเมินอาการและให้การรักษา และในระหว่างนี้ถ้าหากมีความคิดความกังวลเข้ามาอีก หมอก็แนะนำให้พยายามปล่อยให้ความคิดนั้นไหลผ่านหัวไปเรื่อยๆโดยไม่ต้องไปสนใจมัน แล้วเมื่อถึงจุดหนึ่งความกังวลก็จะสามารถหายไปได้เองครับ