ฉีดยาคุมแบบสามเดือน 2เข็ม เป็นเวลา6เดือนตั้งแต่ฉีดปนะจำเดือนไม่มา จึงเลิกฉีด เลยกำหนดฉีดรอบใหม่มา1เดือนประจำเดือนก็ยังไม่มา เท่ากับปจดไม่มา7เดือนค่ะ ตอนนี้มีสิวขึ้นรอบคางปาก เลยไปซื้อยาสตรีแบบเม็ดมมากินก็ยังไม่หาย ควรกินยาคุมไหมคะ หรือกินยาปรับฮอร์โมน ต้องการให้สิวหาย ตอนนี้ขึ้นมาตลอดค่ะ ปจด.ไม่มา

สวัสดีครับ
การฉีดยาคุมชนิด 3 เดือนนั้นจะมีผลข้างเคียงให้ประจำเดือนไม่มาได้เป็นเรื่องปกติครับ และหลังจากหยุดฉีกยาคุมไปแล้วประจำเดือนก็อาจขาดหายไปได้อีกระยะหนึ่ง โดยในบางครก็อาจต้องใช้เวลา 6-12 เดือนก่อนที่ประจำเดือนจะมา และก็ไม่มีความจำเป็นต้องทำอะไรเพื่อเร่งให้ประจำเดือนมาในระหว่างนี้ครับ และการรับประทานยามตรีเองก็ไม่ได้เป็นวิธีการเร่งให้ประจำเดือนมา ในกรณีนี้หมอจึงไม่แนะนำให้รับประทานยาสตรีครับ

ส่วนเรื่องสิวนั้นส่วนใหญ่มักมีสาเหตุมาจากการรักษาความสะอาดใบหน้าที่ไม่ดี มีการอุดตัวของต่อมไขมัน หรือสาเหตุอื่นๆที่ไม่เกี่ยวข้องกับยาคุมอย่างชัดเจนครับ หมอแนะนำว่าในส่วนนี้ควรไปพบแพทย์ผิวหนังเพื่อตรวจประเมินอาการเพิ่มเติมก่อนเพื่อที่จะได้ให้การรักษาได้อย่างเหมาะสมครับ

ยาคุมกำเนิดบนิดฉีดนั้นมีฮอร์โมนเดี่ยว คือโปรเจสเตอโรน ซึ่งมีผลข้างเคียงทำให้ประจำเดือนมาผิดปกติ หรือมไ่มาได้ครับ หากภายหลังหยุดยาประจำเดืแนยังไม่มา ควรเปลี่ยนการคุมกำเนิดเป็นฮอร์โมนรวมเช่น ยาคุมกำเนิดรายเดือน หากภายหลังประจำเดือนยังคงไม่มา ควรกปพบสูตินารีแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุ เช่น ระดับฮอร์โมนเพศไม่สมดุล ซีสต์ที่รังไข่เป็นต้น

1. ผลข้างเคียงเด่น ๆ ของยาคุมชนิดที่ฉีดทุก 3 เดือน คือ อาจทำให้มีเลือดออกกะปริบกะปรอย, ประจำเดือนไม่ปกติ หรือไม่มีประจำเดือนค่ะ ซึ่งถ้าผู้ถามฉีดยาคุมถูกต้องมาตั้งแต่แรก การที่ไม่มีประจำเดือนมาก็น่าจะเป็นผลข้างเคียงจากยานั่นเองนะคะ

และผลข้างเคียงนี้อาจมีอยู่ต่อเนื่องไปอีกระยะหนึ่งหลังหยุดใช้ โดยเฉลี่ยคือประมาณ 8 - 9 เดือนนับจากวันที่ฉีดยาคุมเข็มสุดท้าย (หรือประมาณ 4 - 5 เดือนนับจากวันนัดฉีดยาล่าสุดที่ไม่ได้ไปฉีดต่อ) แต่ผู้ใช้บางรายก็ใช้เวลาน้อยกว่านั้นมาก หรือบางรายก็ใช้เวลานานกว่านั้นมากค่ะ

2. การใช้ยาสตรีไม่สามารถแก้ไขปัญหาประจำเดือนไม่มาจากผลข้างเคียงของยาคุมดังกล่าวได้ และอาจยิ่งทำให้มีปัญหาเลือดออกผิดปกติจากยาสตรีเองนะคะ จึงไม่แนะนำให้ใช้ค่ะ

3. การที่มีสิวขึ้นหลังจากหยุดฉีดยาคุมไปนานแล้ว ไม่น่าจะเป็นผลข้างเคียงจากยาคุมที่เคยใช้ และยาสตรีก็ไม่มีผลในการรักษาสิวนะคะ ดังนั้น หากต้องการรักษาสิว แนะนำให้ไปพบแพทย์ผิวหนังเพื่อพิจารณาการรักษาที่เหมาะสมค่ะ

4. เมื่อไม่มีผลป้องกันจากยาคุมที่เคยฉีดแล้ว หากยังไม่พร้อมจะมีบุตร ควรใช้ถุงยางอนามัยป้องกันทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ด้วยนะคะ

หรือถ้ากังวลว่าอาจมีการตั้งครรภ์ สามารถใช้ชุดทดสอบการต้้งครรภ์ทางปัสสาวะ ตรวจในตอนเช้าหลังตื่นนอน ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วันเพื่อให้ทราบคำตอบที่แน่ชัดได้

5. ถ้าหยุดฉีดยาคุมไปมากกว่า 5 - 6 เดือน (นับจากวันนัดฉีดยาล่าสุดที่ไม่ได้ไปฉีดต่อ) แล้วยังไม่มีประจำเดือนมา หรือถ้ามีความกังวลใจมาก แนะนำให้ไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติมและพิจารณาแนวทางแก้ไขที่เหมาะสมค่ะ

ถ้าเช่นนั้นก็เป็นไปได้ที่จะเป็นผลข้างเคียงจากยาคุมที่เคยฉีดค่ะ ซึ่งโดยปกติผลข้างเคียงจากยาจะค่อย ๆ ลดลงและหายไปเองหลังจากที่หยุดใช้นะคะ ดังนั้น หากอาการไม่ได้รุนแรงมาก ก็อาจรอดูไปก่อนก็ได้ค่ะ

แต่ถ้าสิวของผู้ถามมีความรุนแรงมาก, หรือไม่มีแนวโน้มจะดีขึ้นแม้หยุดฉีดยาคุมไปนานแล้ว หรือถ้าผู้ถามมีความกังวลใจ ก็ควรไปพบแพทย์ผิวหนังเพื่อพิจารณาการรักษาที่เหมาะสมนะคะ

ถ้าผู้ถามฉีดยาคุมชนิด 3 เดือน การมีเลือดออกกะปริบกะปรอย, ประจำเดือนมาไม่ปกติ หรือไม่มีประจำเดือน เป็นผลข้างเคียงเด่น ๆ ที่พบได้จากยาคุมค่ะ

ส่วนการเกิดสิว ก็เป็นผลข้างเคียงหนึ่งที่อาจพบได้จากยาคุมชนิดนี้ หรืออาจเกิดจากสาเหตุอื่นก็ได้เช่นกันนะคะ ดังนั้น เมื่อผู้ถามมีสิวเห่อรุนแรง แนะนำให้ไปพบแพทย์ผิวหนังเพื่อตรวจหาสาเหตุที่แท้จริงก่อน เพื่อที่จะได้พิจารณาแนวทางแก้ไขที่เหมาะสมค่ะ