มีอะไรกับแฟน​แล้วถุงรั่วเลยพลาดหลั่งในวันที่23สิงหาเขาเป็นเมนส์​วันที่18สิงหาให้กินยาคุมฉุกเฉินเรียบร้อยครับมีเลือดออกมาหลังกินยา1สัปดาห์​เจ้าตัวบอกว่าออกเหมือนเมนส์มา3วันอยากทราบว่าเมนส์ของเดือนนี้จะมาไหมคับเพราะตอนนี้วันที่20กันยาเมนส์ยังไม่มาคับ

1.วันที่มีเพศสัมพันธ์ เเม้ไม่ได้กินยาคุมฉุกเฉินก็โอกาสท้องน้อยอยู่เเล้วครับ
ถ้าเดิมประจำเดือนมาสม่ำเสมอ เเล้วมีเพศสัมพันธ์ในช่วงก่อน7วันจนถึงหลัง7วันนับจากประจำเดือนมาวันเเรก เป็นระยะปลอดภัย ไม่มีไข่ตก โอกาสท้องเเทบไม่มีครับ
เรียกว่าระยะปลอดภัยครับ

2.เลือดที่ออก 1 สัปดาห์หลังกินยาเป็นผลจากยาคุมฉุกเฉินได้ครับ
เเละประจำเดือนที่เลื่อนก็เป็นผลจากยาได้ครับ
หลังรับประทานยาคุมฉุกเฉินจะมีเลือดออกทางช่องคลอดได้ ประมาณ ภายใน1 สัปดาห์หลังกินยา ซึ่งไม่ใช่เลือดประจำเดือน (อาจจะมากระปริบกระปรอย หรือ ไม่มีก็ได้ครับ)
ส่วนประจำเดือนจะมาไกล้เคียงกับรอบประจำเดือนปกติ เเต่อาจมาเร็วหรือช้ากว่ารอบเดือนปกติได้ 1-3สัปดาห์
ดังนั้น หากเกิน3สัปดาห์ไปเเล้วจากวันที่ประจำเดือนควรจะมา
ให้ตรวจการตั้งครรภ์ครับ
........
การจะให้ชัวร์ว่าไม่ท้องก็ต้องรอประจำเดือนจริงๆมาครับ ซึ่งก็อาจจะเลื่อนได้จากผลของยา

หากต้องการตรวจการตั้งครรภ์ ตรวจได้เร็วที่สุด2สัปดาห์หลังมีเพศสัมพันธ์ครับ

ระหว่างรอประจำเดือนจริงๆมา ถ้ามีเพศสัมพันธ์ใช้ถุงยางไปก่อนครับ
เเละการคุมกำเนิดโดยการคุมกำเนิดฉุกเฉินไม่ควรใช้เกินสองแผงต่อเดือนครับ
...........
ถ้าชัวร์ว่าไม่ท้องคือประจำเดือนมาเเล้ว เเนะนำเลือกวิธีคุมกำเนิด เช่น ยาคุมรายเดือน ฝังยาคุม ฉีดยาคุม หรือใช้ถุงยางอนามัยครับ
.........
ส่วนโอกาสตั้งครรภ์ กรณีกินยาคุมฉุกเฉิน
หากรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินภายใน 12-24 ชม.แรกของการมีเพศสัมพันธ์ จะคุมกำเนิดได้ประมาณ 85% รับประทานภายใน 72 ชม. ประมาณ 75%
ส่วนถ้าเกิน 72 ชม.แต่ยังไม่เกิน 120 ชม. จะประมาณ 60% ครับ
สรุปคือยิ่งรับประทานช้า จะยิ่งมีโอกาสท้องครับ

การนับวันปลอดภัย "หน้า 7 - หลัง 7" เป็นวิธีคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพต่ำ โดยทั่วไปถือว่ามีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 24% ดังนั้น การที่ผู้ถามใช้ถุงยางป้องกันเมื่อมีเพศสัมพันธ์ ถือเป็นทางเลือกที่ดีกว่าในการป้องกันการตั้งครรภ์แล้วค่ะ เพราะถ้าใช้ถูกต้องและไม่รั่วซึมหรือฉีกขาด จะมีโอกาสตั้งครรภ์เพียงแค่ 2%

ซึ่งการที่แฟนของผู้ถามใช้ยาคุมฉุกเฉินเป็นวิธีป้องกันสำรองเมื่อถุงยางฉีกขาด ก็ถือเป็นวิธีแก้ไขปัญหาที่เหมาะสมแล้วนะคะ โดยอาจช่วยลดความเสี่ยงลงมาเป็น 15% แทนได้ และหากไม่มีการตั้งครรภ์ ก็ควรจะมีประจำเดือนมาตามรอบปกติเดิม หรืออาจคลาดเคลื่อน เร็วหรือช้ากว่าปกติเพียงไม่กี่วันค่ะ

การมีเลือดกะปริบกะปรอย ไม่ได้มามากจนชุ่มผ้าอนามัย ภายใน 7 วันหลังรับประทานยาคุมฉุกเฉิน เป็นเพียงผลข้างเคียงจากยาค่ะ ไม่ได้สำคัญอะไร ไม่ว่าจะพบหรือไม่พบผลข้างเคียงนี้ ก็สรุปไม่ได้ว่าจะตั้งครรภ์หรือไม่

ดังนั้น ถ้ารอดูแล้วไม่มีประจำเดือนมาตามรอบปกติเดิม หรือถ้ากังวลใจว่าจะตั้งครรภ์ ควรตรวจการตั้งครรภ์ด้วยชุดทดสอบทางปัสสาวะ ในตอนเช้าหลังตื่นนอน ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วันนะคะ

ยาคุมฉุกเฉิน ทำให้ประจำเดือนมาเร็วขึ้น หรือช้าลงได้ แต่เพียงเล็กน้อย ครับ ถ้าประจำเดือนไม่มาช่วงรอบเดือน แนะนำให้ซื้อชุดตรวจการตั้งครรภ์ด้วยตนเองมาทดสอบครับ

ประจำเดือนปกติควรจะมีปริมาณมากจนชุ่มผ้าอนามัย 2 - 3 แผ่น/วัน และมาต่อเนื่องกัน 3 - 7 วันค่ะ

ส่วนเลือดกะปริบกะปรอยที่เป็นผลข้างเคียงจากยาคุมฉุกเฉิน อาจเป็นหยดเลือดซึม หรือเลือดกะปริบกะปรอย ไม่ได้มามากจนชุ่มผ้าอนามัยนะคะ อาจพบผลข้างเคียงนี้ภายใน 7 วันหลังรับประทานยาคุมฉุกเฉิน หรืออาจไม่พบเลยก็ได้ และในกรณีที่พบ อาจเกิดขึ้นเพียงวันเดียว หรือเป็นอยู่นาน 2 - 4 วันก็ได้เช่นกัน

จากข้อมูลที่ผู้ถามให้เพิ่มเติมมาว่าเลือดที่ออกมาประมาณสิ้นเดือนสิงหาคม "เหมือนประจำเดือนปกติ" นั่นหมายถึงมีปริมาณมากจนชุ่มผ้าอนามัย 2 - 3 แผ่น/วันใช่มั้ยคะ

หากเลือดที่ออกมาประมาณ 18 สิงหาคม และสิ้นเดือนสิงหาคม มีปริมาณมากจนชุ่มผ้าอนามัย 2 - 3 แผ่น/วัน และมาต่อเนื่องกัน 3 - 7 วันทั้งคู่ ก็ถือว่าผิดปกติมากค่ะ ซึ่งไม่ได้เป็นผลข้างเคียงจากยาคุมฉุกเฉินนะคะ และไม่ว่าจะเกิดจากสาเหตุใด ก็เสี่ยงที่จะทำให้แฟนของผู้ถามเสียเลือดมากจนเกิดผลเสียต่อสุขภาพ โดยเฉพาะหากยังพบประจำเดือนมาผิดปกติเช่นนี้อยู่เรื่อย ๆ

แต่ถ้าเลือดที่ออกมา 18 สิงหาคม และสิ้นเดือนสิงหาคม มีปริมาณพอ ๆ กัน นั่นคือ เป็นเพียงเลือดกะปริบกะปรอย ไม่ได้มามากจนชุ่มผ้าอนามัย ก็ยังไม่ชัดเจนว่าเป็นประจำเดือน และเมื่อยังไม่มีประจำเดือนมา ก็ถือว่ายังมีความเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์ได้ค่ะ

ดังนั้น แนะนำเช่นนี้ค่ะ

1. ควรงดมีเพศสัมพันธ์ไปก่อน แล้วรอดูว่าจะมีประจำเดือนมาในช่วงประจำเดือนปกติหรือไม่ ถ้าไม่มี หรือถ้ากังวลว่าจะตั้งครรภ์ ควรตรวจการตั้งครรภ์ด้วยชุดทดสอบทางปัสสาวะ ในตอนเช้าหลังตื่นนอน ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วันนะคะ

2. แต่ถ้ามีประจำเดือนมาตามรอบปกติ หรือคลาดเคลื่อนไม่มาก โดยพบว่าเลือดที่ออกมา 3 รอบล่าสุด (18 สิงหาคม, สิ้นเดือนสิงหาคม และครั้งล่าสุด) มีปริมาณมากจนชุ่มผ้าอนามัยทุกรอบ ทั้งที่มีระยะเวลาห่างไม่มาก (โดยเฉพาะถ้านับจากวันแรกของเลือดที่ออกมาแต่ละครั้ง มีระยะเวลาห่างกันน้อยกว่า 24 วัน) หรือถ้าพบว่ามีปัญหาเลือดออกมาผิดปกติอีกเรื่อย ๆ ก็ควรไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติมหาสาเหตุที่แท้จริง และพิจารณาการรักษาที่เหมาะสมนะคะ