May 28, 2019 23:55
ตอบโดย
วชิรวิทย์ สุทธิศักดิ์ (แพทย์ทั่วไป) (นพ.)
ถ้าเริ่มกินในช่วงวันที่1-5ของการมีประจำเดือน กรณีนี้สามารถกินต่อไปได้ครับ (ต้องชัวร์ว่าเป็นช่วงประจำเดือนจริงๆ เเละประจำเดือนเดิมมาสม่ำเสมอ)
แต่ถ้าไม่ได้เริ่มกินช่วงประจำเดือนมา1-5วันเเรก ต้องกินยาไปครบ7วันก่อนครับ ยาจึงจะมีฤทธิคุมกำเนิด ถ้ายังกินไม่ครบก็มีโอกาสท้องครับ
กรณีนี้เเนะนำพิจารณายาคุมฉุกเฉินเเละหยุดยาคุมแผงไปก่อนครับ
ตามร้านยาจะเป็น ยี่ห้อ Postinor,Madonna {ตัวยาชนิดเดียวกัน}
แต่ละกล่องจะมี ยา 2 เม็ด
หรือชนิด 1 เม็ด เช่น Maple forte
.............
รับประทานให้เร็วที่สุดหลังจากมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกัน โดย
.............
ให้รับประทานยาคุมฉุกเฉิน ชนิด 2เม็ด เช่น Postinor หรือ Madonna ได้สองวิธี
1.รับประทานทันที 2 เม็ด
2.รับประทาน 1 เม็ดทันที เเละรับประทาน เม็ดต่อไป ในอีก 12 ชม.
สองวิธีประสิทธิภาพไม่เเตกต่างกัน (หรือชนิด 1 เม็ด เช่น Maple forte ก็กินเม็ดเดียวไปเลยครับ)
วิธีเเรกสะดวก แต่อาจเกิดอาการคลื่นไส้อาเจียนได้มากกว่า
วิธีที่สอง อาการคลื่นไส้อาเจียนน้อย เเต่ต้องดูเวลาดีๆ ครับ
.............
หากอาเจียนภายใน 2 ชม.หลังกินยา ต้องกินใหม่นะครับ เพราะยายังไม่ได้ดูดซึม
.............
ผลข้างเคียงของยาคุมฉุกเฉิน เช่น คลื่นไส้อาเจียน คัดตึงเต้านม
และ
หลังรับประทานยาคุมฉุกเฉินจะมีเลือดออกทางช่องคลอดได้ ประมาณ ภายใน1 สัปดาห์หลังกินยา ซึ่งไม่ใช่เลือดประจำเดือน (อาจจะมากระปริบกระปรอย หรือ ไม่มีก็ได้ครับ)
ส่วนประจำเดือนจะมาไกล้เคียงกับรอบประจำเดือนปกติ เเต่อาจมาเร็วหรือช้ากว่ารอบเดือนปกติได้ 1-3สัปดาห์
ดังนั้น หากเกิน3สัปดาห์ไปเเล้วจากวันที่ประจำเดือนควรจะมา
ให้ตรวจการตั้งครรภ์นะครับ
........
การจะให้ชัวร์ว่าไม่ท้องก็ต้องรอประจำเดือนจริงๆมาครับ ซึ่งก็อาจจะเลื่อนได้จากผลของยา หากต้องการตรวจการตั้งครรภ์ ตรวจได้เร็วที่สุด2สัปดาห์หลังมีเพศสัมพันธ์ครับ ระหว่างนี้ถ้ามีเพศสัมพันธ์ใช้ถุงยางไปก่อนครับ
เเละการคุมกำเนิดโดยการคุมกำเนิดฉุกเฉินไม่ควรใช้เกินสองแผงต่อเดือนครับ
...........
หลังจากนี้ถ้าชัวร์ว่าไม่ท้องเเละประจำเดือนมาเเล้ว เเนะนำเลือกวิธีคุมกำเนิด เช่น ยาคุมรายเดือน ฝังยาคุม ฉีดยาคุม หรือใช้ถุงยางอนามัยครับ
.........
ส่วนโอกาสตั้งครรภ์
หากรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินภายใน 12-24 ชม.แรกของการมีเพศสัมพันธ์ จะคุมกำเนิดได้ประมาณ 85% รับประทานภายใน 72 ชม. ประมาณ 75%
ส่วนถ้าเกิน 72 ชม.แต่ยังไม่เกิน 120 ชม. จะประมาณ 60% ครับ
สรุปคือยิ่งรับประทานช้า จะยิ่งมีโอกาสท้องครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
ในกรณีทั่วไป หากเป็นการใช้ยาคุมแผงแรก และเริ่มรับประทานภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือนก็จะถือว่ามีผลคุมกำเนิดได้ตั้งแต่เม็ดแรกที่รับประทาน จึงมีเพศสัมพันธ์หลั่งในได้ตามปกติ ไม่จำเป็นจะต้องใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยค่ะ (แต่ควรรอให้ประจำเดือนหายดีก่อนเพื่อไม่ให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อในช่องคลอดและอุ้งเชิงกราน)
การมีเพศสัมพันธ์ในช่วงที่มีผลคุมกำเนิดจากยาคุมรายเดือน ผู้ใช้จะมีโอกาสตั้งครรภ์ 0.3 - 9% หรือค่อนไปทางต่ำ คือ 0.3% ถ้ารับประทานถูกต้องและตรงเวลาสม่ำเสมอ
..
..
..
แต่ถ้าผู้ถามใช้ยาคุมแผงแรกไม่ทัน 5 วันแรกของการมีประจำเดือน จะต้องรับประทานยาคุมแอนนาติดต่อกันให้ครบ 7 วันก่อนจึงจะมีผลคุมกำเนิดได้นะคะ ในช่วงแรกจึงควรงดมีเพศสัมพันธ์ หรือต้องใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยไปก่อนค่ะ
หากมีเพศสัมพันธ์ในช่วงที่ยังไม่มีผลคุมกำเนิดจากยาคุมรายเดือนก็จะมีโอกาสตั้งครรภ์ได้สูง จึงต้องรับประทานยาคุมฉุกเฉินโดยเร็วเพื่อลดความเสี่ยงดังกล่าวให้น้อยลงค่ะ
..
..
..
หรือหากผู้ถามไม่มั่นใจว่าใช้ยาคุมถูกต้องและมีผลคุมกำเนิดจากยาหรือยัง ต้องขอทราบข้อมูลเพิ่มเติมดังนี้นะคะ
1. เริ่มรับประทานยาคุมแอนนาแผงนี้ในวันที่เท่าไหร่
2. ประจำเดือนรอบล่าสุดมาตั้งแต่วันที่เท่าไหร่ถึงเท่าไหร่
3. ก่อนจะใช้แอนนาแผงนี้ คุมกำเนิดด้วยวิธีใด และใช้จนถึงเมื่อไหร่
4. นับจากวันแรกที่ประจำเดือนมาในรอบล่าสุด มาจนถึงปัจจุบัน มีเพศสัมพันธ์ในวันที่เท่าไหร่บ้าง และป้องกันอย่างไร
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
หมอค่ะเรากินยายี่ห้อเเอนา2วันเอง หลั่งในมึโอกาศท้องไหมค้ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)