August 27, 2019 14:16
ตอบโดย
วชิรวิทย์ สุทธิศักดิ์ (แพทย์ทั่วไป) (นพ.)
หยุดยาคุมแผงปกติไปก่อนครับ ค่อยเริ่มตอนชัวร์ว่าไม่ท้องครับ
หลังรับประทานยาคุมฉุกเฉินจะมีเลือดออกทางช่องคลอดได้ ประมาณ ภายใน1 สัปดาห์หลังกินยา ซึ่งไม่ใช่เลือดประจำเดือน (อาจจะมากระปริบกระปรอย หรือ ไม่มีก็ได้ครับ)
ส่วนประจำเดือนจะมาไกล้เคียงกับรอบประจำเดือนปกติ เเต่อาจมาเร็วหรือช้ากว่ารอบเดือนปกติได้ 1-3สัปดาห์
ดังนั้น หากเกิน3สัปดาห์ไปเเล้วจากวันที่ประจำเดือนควรจะมา
ให้ตรวจการตั้งครรภ์ครับ
........
การจะให้ชัวร์ว่าไม่ท้องก็ต้องรอประจำเดือนจริงๆมาครับ ซึ่งก็อาจจะเลื่อนได้จากผลของยา
หากต้องการตรวจการตั้งครรภ์ ตรวจได้เร็วที่สุด2สัปดาห์หลังมีเพศสัมพันธ์ครับ
ระหว่างรอประจำเดือนจริงๆมา ถ้ามีเพศสัมพันธ์ใช้ถุงยางไปก่อนครับ
เเละการคุมกำเนิดโดยการคุมกำเนิดฉุกเฉินไม่ควรใช้เกินสองแผงต่อเดือนครับ
...........
ถ้าชัวร์ว่าไม่ท้องคือประจำเดือนมาเเล้ว เเนะนำเลือกวิธีคุมกำเนิด เช่น ยาคุมรายเดือน ฝังยาคุม ฉีดยาคุม หรือใช้ถุงยางอนามัยครับ
.........
ส่วนโอกาสตั้งครรภ์ กรณีกินยาคุมฉุกเฉิน
หากรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินภายใน 12-24 ชม.แรกของการมีเพศสัมพันธ์ จะคุมกำเนิดได้ประมาณ 85% รับประทานภายใน 72 ชม. ประมาณ 75%
ส่วนถ้าเกิน 72 ชม.แต่ยังไม่เกิน 120 ชม. จะประมาณ 60% ครับ
สรุปคือยิ่งรับประทานช้า จะยิ่งมีโอกาสท้องครับ
อย่างที่บอกยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน ไม่ควรรับประทานเกิน2แผงต่อเดือนครับ ถ้ามีเพศสัมพันธ์บ่อยๆ เเนะนำเป็นคุมกำเนิดรายเดือน หรือใช้ถุงยางอนามัยดีกว่าครับ
เนื่องจากยาคุมกำเนิดฉุกเฉินเป็นฮอร์โมนขนาดสูง
ในระยะยาวมีผลต่อรังไข่ได้ครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
ยาคุมรายเดือนไม่มีผลป้องกันฉุกเฉินค่ะ ถ้าผู้ถามไม่ได้ใช้อยู่ต่อเนื่องและมีผลคุมกำเนิดจากยาคุมรายเดือนอยู่แล้ว การใช้ในกรณีนี้จะไม่สามารถลดความเสี่ยงที่ผู้ถามต้องการได้นะคะ
และถ้ารับประทานยาคุมแผงแรกไม่ทัน 5 วันแรกของการมีประจำเดือน ก็จะต้องรับประทานยาคุมชนิดฮอร์โมนรวมติดต่อกันให้ครบ 7 วันก่อนจึงจะมีผลคุมกำเนิดจากยาแผงนี้ได้
ในระหว่างที่ยังไม่มีผลป้องกันจากยาคุมรายเดือน จึงควรงดมีเพศสัมพันธ์ หรือต้องใช้ถุงยางอนามัยป้องกันไปก่อนค่ะ
..
..
..
ในกรณีของผู้ถาม เมื่อมีปัญหาถุงยางฉีกขาด ก็จะไม่มีผลป้องกันจากถุงยางที่ใช้ จึงต้องรอดูว่ายาคุมฉุกเฉินจะป้องกันได้สำเร็จหรือไม่ ซึ่งหากใช้เร็วและครบขนาด ก็อาจช่วยลดความเสี่ยงลงมาเป็น 15% แทนได้
แต่ในช่วงที่รับประทาน "เม็ดยาฮอร์โมน" ของยาคุมรายเดือน จะไม่มีประจำเดือนค่ะ การที่ประจำเดือนในรอบนี้เลื่อนช้าออกไป จึงอาจเป็นผลจากยาคุมรายเดือนที่ใช้อยู่นั่นเองนะคะ
ถ้ายาคุมที่ผู้ถามใช้เป็นแบบ 21 เม็ด เมื่อหมดแผงแล้วจะต้องเว้นว่าง 7 วันก่อนต่อยาคุมแผงใหม่ค่ะ ถ้าไม่มีการตั้งครรภ์ ควรจะมีประจำเดือนมาในช่วงที่เว้นว่าง โดยมักจะมาหลังใช้ยาหมดไปแล้ว 2 - 3 วัน หรือคลาดเคลื่อนเล็กน้อย
แต่ถ้ายาคุมที่ผู้ถามใช้เป็นยาคุมชนิดฮอร์โมนรวมแบบ 28 เม็ด (สังเกตง่าย ๆ ว่าในแผงจะมีเม็ดยาที่มีขนาด/สี/รูปร่าง ไม่เหมือนกันหมดทั้ง 28 เม็ด) เมื่อหมดแผงแล้วจะต้องต่อแผงใหม่ในวันถัดมา ถ้าไม่มีการตั้งครรภ์ ควรจะมีประจำเดือนมาในช่วงที่รับประทาน "เม็ดแป้ง" ของแผง ซึ่งอาจมี 7 เม็ด หรือ 4 เม็ด ขึ้นกับยี่ห้อที่ใช้ โดยประจำเดือนมักจะมาหลังใช้ "เม็ดยาฮอร์โมน" หมดไปแล้ว 2 - 3 วัน หรือคลาดเคลื่อนเล็กน้อยค่ะ
..
..
..
ถ้าผู้ถามใช้ยาคุมรายเดือนต่อเนื่องมาหลายวันแล้ว การหยุดยาคุมกลางแผงอาจทำให้ฮอร์โมนแปรปรวน และเกิดความคลาดเคลื่อนของประจำเดือนจนยิ่งคาดการณ์ได้ยาก จึงควรใช้ต่อและรอดูว่าจะมีประจำเดือนมาตามที่กล่าวไปข้างต้นหรือไม่นะคะ (แต่ถ้าเพิ่งใช้ไปแค่ไม่กี่วัน และไม่ได้หวังผลคุมกำเนิดไปข้างหน้า ก็สามารถหยุดใช้ได้ค่ะ)
แต่ถ้าครบกำหนดต่อยาคุมแผงใหม่แล้วยังไม่มีประจำเดือนมา แนะนำให้ตรวจการตั้งครรภ์ด้วยชุดทดสอบทางปัสสาวะ ในตอนเช้าหลังตื่นนอนของวันที่ครบกำหนดต่อยาคุมแผงใหม่นะคะ ซึ่งหากผลตรวจออกมาเป็นไม่ตั้งครรภ์ ก็สามารถต่อยาคุมแผงใหม่ตามกำหนดเพื่อให้มีผลคุมกำเนิดที่ต่อเนื่องได้ค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
นิธิวัฒน์ ตั้งชมพู (นพ.)
สวัสดีครับ
เบื้องต้น ไม่มีการคุมกำเนิดใดที่ให้ผลร้อยเปอร์เซนต์ครับ การรับประทานยาคุมฉุกเฉิน จะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้มาก แต่โอกาสการตั้งครรภ์ยังมีสูงกว่าการคุมกำเนิดที่ถูกต้อง โดยวิธีอื่นๆครับ
การคุมกำเนิดโดยใช้วิธีการคุมกำเนิดฉุกเฉินแนะนำให้ใช้เฉพาะผิดพลาดจริงๆเท่านั้น เช่น ถุงยางอนามัยขาด เป็นต้น ไม่แนะนำให้ใช่เป็นวิธีการคุมกำเนิดเพียงอย่างเดียวครับ
>> การรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินหลังมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้อวกัน หากรับประทานภายใน 24 ชม แรกหลังมีเพศสัมพันธ์ จะเพิ่มประสิทธิภาพการคุมกำเนิดได้ประมาณ 85% -90% (มีโอกาสตั้งครรภ์ประมาณ 10-15%)
ดังในกรณีของคนไข้ครับ
>> ถ้ากินภายใน 72 ชม ประสิทธิภาพได้ประมาณ 75% ครับ และช้าสุดที่ 120 ชม ประสิทธิภาพ ของการป้องกันการตั้งครรภ์ยังพอมีอยู่ แต่ลดลงไปมากครับ
>>ถ้าคนไข้ต้องการประสิทธิภาพการคุมกำเนิดมากขึ้น แนะนำให้เปลี่ยนไปคุมกำเนิดโดยใช้ ห่วงอนามัยชนิดเคลือบสารทองแดงก็ได้ครับ ประสิทธิภาพจะสูงกว่ายาคุมกำเนิดในช่วง 72-120 ชมครับ (สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ตั้งแต่ 0-120 ชมได้ดี และมีประสิทธิภาพประมาณ 99%) ครับ
อย่างไรก็ตาม หลังรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน อาจมีผลข้างเคียงครับ
ผลข้างเคียงหลังจากรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน ได้แก่อาการคลื่นไส้อาเจียน เวียนหัว และหลังจากรับประทานในช่วงสัปดาห์แรก อาจมีเลือดออกกะปริดกะปรอยได้ แต่ไม่ใช่เลือดประจำเดือน แต่เป็นผลข้างเคียงของยาคุมฉุกเฉินครับ ประจำเดือนของคนไข้ ควรมาตรวรอบตามปกติค่ะ หากพบว่าประจำเดือนไม่มาตามรอบปกติเกิน 1-3 สัปดาห์ (หรือ 14 วันหลังจากมีเพศสัมพันธ์) ให้ทดสอบการตั้งครรภ์ หรือพบแพทย์เพื่อการวินิจฉัยที่ถูกต้องครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
มีอะไรกับเเฟนโดนใส่ถุงยางอนามัยเเต่มันรั่ว เลยกินยาคุมฉุกเฉินไปทีเดียว2เม็ด เเล้วกินยาคุมปกติตามมาตลอด จะมีโอกาสท้องรึป่าวคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)