ผมมีอะไรกับวันที่2เดือนพฤษภาคมผมใส่ถุงยางพอเสร็จผมได้ใช้นิ้วกับแฟนแล้วมีเมือกสีขาวขุ่นๆออกมาาจากของแฟนผมใส่ถุงนะคับพอเสร็จผมก็พาแฟนไปซื้อยาคุมฉุกเฉินเลยคับกินตามเวลาพอหลังจากกินยาก็มีเลือดออกกระปริบๆประมาณ7วันเป็นสีนำ้ตาลวันที่9มีนำ้ใสๆไม่รู้เรียกว่าอะไรออกมาด้วยคับอยากทราบว่าจะเป็นเมนเมื่อไหร่เดือนที่แล้วเป็นวันที่21กินยาคุมฉุกเฉินเหมือนกัน

ถ้ากินซ้ำอีกทีในเดือนเดียวกันประจำเดือนจะเลื่อนได้ครับ

หลังรับประทานยาคุมฉุกเฉินจะมีเลือดออกทางช่องคลอดได้ ประมาณ ภายใน1 สัปดาห์หลังกินยา ซึ่งไม่ใช่เลือดประจำเดือน (อาจจะมากระปริบกระปรอย หรือ ไม่มีก็ได้ครับ)
ส่วนประจำเดือนจะมาไกล้เคียงกับรอบประจำเดือนปกติ เเต่อาจมาเร็วหรือช้ากว่ารอบเดือนปกติได้ 1-3สัปดาห์
ดังนั้น หากเกิน3สัปดาห์ไปเเล้วจากวันที่ประจำเดือนควรจะมา
ให้ตรวจการตั้งครรภ์นะครับ
........
การจะให้ชัวร์ว่าไม่ท้องก็ต้องรอประจำเดือนจริงๆมาครับ ซึ่งก็อาจจะเลื่อนได้จากผลของยา หากต้องการตรวจการตั้งครรภ์ ตรวจได้เร็วที่สุด2สัปดาห์หลังมีเพศสัมพันธ์ครับ ถ้าตรวจเเล้วไม่ท้อง เเนะนำให้ตรวจซ้ำทุกสัปดาห์ จนกว่าประจำเดือนจะมาครับ (ถ้าตรวจพบว่าท้องเเนะนำให้ไปฝากท้องครับ เพราะกรณีท้องหลังกินยาคุมฉุกเฉิน มีความเสี่ยงที่จะท้องนอกมดลูกครับ)

ระหว่างนี้ถ้ามีเพศสัมพันธ์ใช้ถุงยางไปก่อนครับ
เเละการคุมกำเนิดโดยการคุมกำเนิดฉุกเฉินไม่ควรใช้เกินสองแผงต่อเดือนครับ
...........
หลังจากนี้ถ้าชัวร์ว่าไม่ท้องเเละประจำเดือนมาเเล้ว เเนะนำเลือกวิธีคุมกำเนิด เช่น ยาคุมรายเดือน ฝังยาคุม ฉีดยาคุม หรือใช้ถุงยางอนามัยครับ
.........
ส่วนโอกาสตั้งครรภ์
หากรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินภายใน 12-24 ชม.แรกของการมีเพศสัมพันธ์ จะคุมกำเนิดได้ประมาณ 85% รับประทานภายใน 72 ชม. ประมาณ 75%
ส่วนถ้าเกิน 72 ชม.แต่ยังไม่เกิน 120 ชม. จะประมาณ 60% ครับ
สรุปคือยิ่งรับประทานช้า จะยิ่งมีโอกาสท้องครับ

อย่างที่บอกยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน ไม่ควรรับประทานเกิน2แผงต่อเดือนครับ ถ้ามีเพศสัมพันธ์บ่อยๆ เเนะนำเป็นคุมกำเนิดรายเดือน หรือใช้ถุงยางอนามัยดีกว่าครับ

เนื่องจากยาคุมกำเนิดฉุกเฉินเป็นฮอร์โมนขนาดสูง
ในระยะยาวมีผลต่อรังไข่ได้ครับ

สวัสดีครับ
การมีเพศสัมพันธ์โดยใช้ถุงยางอนามัยนั้นถ้าหากใช้ได้อย่างถูกต้องและไม่มีการแตกรั่ว โอกาสผิดพลาดตั้งครรภ์ก็จะมีเพียงแค่ 2% เท่านั้น แต่ถ้าหากไม่มั่ว่าถุงยางอนามัยมีการแตกรั่วหรือไม่และได้รับประทานยาคุมฉุกเฉินไป โอกาสตั้งครรภ์ก็จะลดลงไปได้ 75-85%

ถ้าหากเดิมเป็นคนที่ประจำเดือนมาสม่ำเสมอหลังรับประทานยาคุมฉุกเฉินแล้วประจำเดือนมักจะมาในวันที่ใกล้เคียงกับกำหนดประจำเดือนเดิมครับ ซึ่งถ้าหากต้องการให้คาดการณ์วันที่ประจำเดือนจะมาหมอก็ต้องขอทราบวันที่มีประจำเดือนมาย้อนหลังไป 4-5 เดือนก่อน

แต่ถ้าหากเดิมประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมออยู่แล้วก็จะคาดการณ์ได้ยากว่าประจำเดือนจะมาอีกครั้งในวันใดครับ

ในกรณีที่มีประจำเดือนขาดหายไปนาน หมอก็แนะนำว่าควรลองตรวจการตั้งครรภ์ยืนยันดูให้แน่ใจก่อน โดยให้ตรวจห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจ ก็จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 97-99% ครับ

ในกรณีที่มั่นใจว่าถุงยางอนามัยไม่มีการแตกรั่ว น้ำสีขาวขุ่นที่ออกมาจากช่องคลอดก็มักเป็นเพียงตกขาวที่ออกมาในขณะที่ฝ่ายหญิงมีอารมณ์ทางเพศเท่านั้น ซึ่งจริงๆแล้วในกรณีนี้ก็จะไม่มีความจำเป็นต้องรับประทานยาคุมฉุกเฉินครับ

อาจเป็นผลข้างเคียงจากยาคุมฉุกเฉินที่ทำให้มีเลือดออกกระปริดกระปรอยระหว่างรอบเดือนได้ครับ

แต่ถ้าหากเลือดดังกล่าวออกมาติดต่อกันมากกว่า 7 วันก็ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจประเมินอาการหาสาเหตุอื่นๆเพิ่มเติมครับ

การมีเพศสัมพันธ์ที่มีการใช้ถุงยางอนามัยนั้นถือว่ามีความปลอดภัยต่อการตั้งครรภ์สูงมากแล้ว คือ ถ้าหากใช้ถุงยางอนามัยได้อย่างถูกต้องโอกาสตั้งครรภ์ก็จะมีเพียง 2% เท่านั้น ในกรณีนี้จึงไม่มีความจำเป็นต้องรับประทานยาคุมฉุกเฉินเพิ่มอีกครับ การรับประทานยาคุมฉุกเฉินจะมีผลให้ระดับฮอร์โมนในร่างกายเปลี่ยนแปลงไปทำให้อาจมีประจำเดือนที่คลาดเคลื่อนไปจากเดิมได้เล็กน้อยซึ่งโดยเฉลี่ยก็มักไม่เกิน 4-5 วัน

อย่างไรก็ตามถ้าหากประจำเดือนมีการขาดหายไปนานหมอก็แนะนำให้ลองตรวจการตั้งครรภ์ยืนยันดูให้แน่ใจก่อน โดยให้ตรวจห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจ ก็จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 97-99% ครับ

ถ้าหากลักษณะเลือดที่ออกมาเหมือนกับประจำเดือนในรอบเดือนที่ผ่านๆมาก็จะเป็นการบ่งบอกว่าไม่มีการตั้งครรภ์และสามารถสบายใจได้ครับ

แนะนำให้ดูจากลักษณะเลือดที่ออกมาเป็นหลักครับ เนื่องจากอาการปวดท้องไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นทุกครั้งที่มีประจำเดือน

แต่ถ้าหากยังกังวลอยู่หรือยัฃไม่มั่นใจว่าเลือดที่ออกมาเป็นประจำเดือนตามปกติก็สามารถตรวจการตั้งครรภ์ยืนยันดูได้ครับ โดยให้ตรวจห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจ ก็จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 97-99% ครับ

อาการท้องเสียไม่ใช่อาการของการตั้งครรภ์ครับ และถ้าหากมั่นใจได้ว่ามีประจำเดือนมาตามปกติแล้วก็ไม่ควรมีการตั้งครรภ์ครับ

เมือกใสๆที่เกิดขึ้นในระหว่างรอบเดือนนั้นอาจเป็นตกขาวที่มีได้เป็นปกติในผู้หญิงอยู่แล้วครับ ถ้าหากเมือกใสๆที่ออกมาไม่ได้มีกลิ่นเหม็น ทำให้เกิดอาการคัน หรือมีเลือดปนออกมาด้วยก็มักไม่ได้เป็นปัญหาครับ

อาการนี้ไม่ได้บ่งบอกถึงการตั้งครรภ์ครับ

ตกขาวสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดรอบเดือนครับ โดยลักษณะจะมีการเปลี่ยนแปลงไปตามแต่ละช่วงเวลาตามระดับฮอร์โมนในขณะนั้น เช่น ในช่วงที่มีการตกไข่ตกขาวก็จะเป็นมูกใสๆลักษณะคล้ายไข่ขาว ในช่วงที่ประจำเดือนใกล้มาตกขาวก็อาจมีสีขุ่นขึ้นและมีปริมาณมากขึ้นได้ครับ