October 08, 2019 14:52
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
จากเหตุการณ์ที่เล่ามานั้นจะมีโอกาสตั้งครรภ์ได้น้อยครับ เนื่องจากได้มีการใช้ถุงยางอนามัยในขณะที่มีเพศสัมพันธ์แล้ว ซึ่งถ้าหากใช้ได้อย่างถูกต้องโอกาสตั้งครรภ์ก็จะมีได้เพียง 2% เท่านั้น ส่วนการที่ประจำเดือนยังไม่มานั้นก็อาจเป็นเพียงผลจากการรับประทานยาเลื่อนประจำเดือนมากกว่าเพราะโดยปกติแล้วประจำเดือนมักจะมาหลังจากหยุดรับประทานยาเลื่อนประจำเดือนไป 3-7 วันครับ
ทั้งนี้เลือดที่ออกมาในช่วงแรกของการรับประทานยาเลื่อนประจำเดือนก็อาจเป็นเพียงเยื่อบุโพรงมดลูกที่หลุดลอกออกมาเล็กๆน้อยๆในช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนในร่างกายเท่านั้น ยังไม่ได้เป็นการบ่งบอกถึงความผิดปกติใดอย่างชัดเจนครับ
อย่างไรก็ตามถ้าหากมีความกังวลเรื่องการตั้งครรภ์ก็สามารถลองตรวจการตั้งครรภ์ยืนยันดูได้ โดยให้ตรวจห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจ ก็จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 97-99% ครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
แล้วที่ปวดหน่วงที่อวัยวะเพศเป็นเพราะอะไรค่ะ
หนูมีอะไรกับแฟน แต่แฟนใส่ถุงยางแล้วนำมาหลังข้างนอก จะมีโอกาสท้องไหมค่ะ แล้วหนูมีอาการก่อนหน้าที่จะทานยาเลื่อนประจำเดือน คือเหมือนประจำเดือนจะมา คือ เป็นร้อนในแผลในปาก มีอาการตัวร้อน โดนตัวก็เจ็บตัว เจ็บเต้านม สิวขึ้น อารมแปรปรวน ลำไส้แปรปรวนคือท้องเสียสลับท้องอืด แต่หนูทานยาเลื่อนเพราะมีกิจกรรมที่ต้องลงน้ำ หนูก็ทานยาเลื่อนประจำเดือนเม็ดแรกวันแรก พอตกบ่ายหนูมีเลือดสีน้ำตาลออกมาเปื้อนกางเกงในนิดนึง และหลังจากนั้นหนูกินยาต่อเลือดสีน้ำตาลก็ไม่ออกอีก แต่หนูมีอาการปวดหน่วงที่อวัยวะเพศ หนูอยากทราบว่าที่เลือดสีน้ำตาลออกมา คือเลือดที่ค้างใช่ไหมค่ะแล้วที่ไม่ออกอีกเพราะหนูทานยาเพื่อไม่ให้เลือดไหลใช่ไหมค่ะแล้วอาการปวดหน่วงที่อวัยวะเพศคือเป็นเพร่ะมีเลือดคั่งใช่ไหมค่ะ ตอบหนูหน่อยนะคะขอบคุณมากค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)