September 07, 2019 13:26
ตอบโดย
ปวริศ ยืนยง (นพ.)
สวัสดีครับ การกินยาคุม เดฟเน่ ถ้ากินเริ่มแรกในช่วง 1-5 วันแรกของการมีประจำเดือน และกินอย่างต่อเนื่องทุกวันตามลูกศร สามารถคุมกำเนิดได้ครับ ถ้ากินทุกวัน ไม่ขาย สามารถคุมกำเนิดได้ ประมาณ 95% ครับ
ถ้าอยากคุมกำเนิดหรือรักษาโรคแนะนำให้กินอย่างต่อเนื่องครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
ยาคุมแดฟเน่นั้นเป็นยาที่มีฤทธิ์เป็นยาคุมกำเนิดด้วยจึงสามารถใช้เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ได้ครับ โดยในระหว่างที่รับประทานยานี้จะมีโอกาสผิดพลาดตั้งครรภ์ได้เพียง 0.3-8% เท่านั้นขึ้นอยู่กับความสม่ำเสมอในการรับประทานยาที่ผ่านมาครับ
ส่วนระยะเวลาในการรับประทานยาคุมเพื่อปรับฮอร์โมนนั้นควรรับประทานภายใต้ความดูแลของแพทย์นรีเวชครับ ว่าควรรับประทานไปนานมากน้อยเพียงมด ถ้าหากต้องการรับประทานยาคุมเพื่อปรับฮอร์โมนหมอก็แนะนำว่าควรไปปรึกษาแพทย์นรีเวชเพื่อประเมินความเหมาะสมก่อนครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
อนรรฆวี ฉง (พญ.)
สวัสดีค่ะ ตัวยาที่ให้ชื่อมา(dafne-35)เป็นยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมที่มีเอสโตรเจน และยาตัวนี้สามารถช่วยลดฮอร์โมนเพศชาย จึงช่วยลดอาการหน้ามัน ผมมัน ผมร่วง ขนดก และสิวจากฮอร์โมน มีค่าเอสโตรเจนสูง จึงทำให้มีน้ำมีนวล มีหน้าอก มีความเป็นผู้หญิงมากขึ้น แต่ควรระวังเรื่องอาการข้างเคียง เช่น อ้วน คลื่นไส้ อาเจียน ทำให้เกิดฝ้า ไม่เหมาะกับคนที่เป็นไมเกรน ซึ่งผลข้างเคียงก็จะช่วยลดสิวได้ และสามารถมีฤทธิ์ปกป้องคุมกำเนิดได้ค่ะ
โดยมากแล้วการรับประทานยาคุมเพื่อลดอาการปวดประจำเดือนและรับประทานต่อเนื่องกันประมาณ 6 ถึง 9 เดือนและส่วนมากหากหยุดแล้วอาการจะดีขึ้น แต่แล้วแต่บุคคลค่ะ แนะนำปรึกษาสูตินรีแพทย์เพื้อความปลอดภัยในการใช้ยาค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ตอบโดย
นิชดา พงษ์ธัญญกรณ์ (แพทย์ทั่วไป) (พญ.)
สวัสดีค่ะ
Dafne35 หรือ แดฟเน่35 เป็นยาคุมกำเนิดที่สามารถใช้รักษาสิวจากฮอร์โมน Testosterone เพราะในยาคุมมี Cyproterone สามารถช่วยเรื่องสิวได้ดี อย่างไรก็ตามยาคุมตัวนี้มีประสิทธิภาพในการคุม 91-99.7% หรือมีโอกาสตั้งครรภ์ 0.3-9% สำหรับวิธีการทานคือให้ทานยาคุมเม็ดแรกภายใน 5 วันนับจากประจำเดือนมาวันแรก ยาคุมจะออกฤทธิ์ในการคุมตั้งแต่วันแรกที่ทานเลยค่ะ หรือถ้าไม่ได้ทานภายใน 5 วันนับจากประจำเดือนมาวันแรก จะต้องทานติดต่อกันอย่างน้อย 7 วันยาคุมถึงจะออกฤทธิ์ค่ะ จึงต้องคุมด้วยถุงยางอนามัยไปก่อน 7 วันถึงจะมีเพศสัมพันธ์แบบหลั่งในได้ค่ะ กรณีการทานยาคุมหมอแนะนำไม่ควรทานติดต่อกันเป็นระยะยาวเกินไป เช่น ไม่เกิน 5 ปี เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงมากมาย เช่น ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดเส้นเลือดอุดตันในโลหิต หัวใจ หรือปอดได้ อาจทำให้สูญเสียเยื่อบุโพรงมดลูกอย่างถาวรได้ หรือเสี่ยงทำให้เกิดมะเร็งเต้านม เป็นต้น ดังนั้นถ้าจำเป็นต้องทานเป็นระยะเวลานานให้ปรึกษาสูตินารีแพทย์ก่อนทุกครั้งค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ถ้าเกิดว่ามีเพศสัมพันธ์ในวันแรกของการกินยาคุมแผงถัดไปและมีประจำเดือนร่วมด้วย แต่หลั่งในมีโอกาสที่จะท้องมั้ยคะ
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
เพิ่งเริ่มกินยาปรับฮอโมนแดฟเน่ค่ะทานเพราะปวดท้องเมนบ่อยเวลาเป็นประจำเดือนแล้วก็กินช่วยลดสิว แล้วก็อยากทราบว่าถ้ามีเพศสัมพันธ์ยาตัวนี้จะช่วยคุมมั้ยคะ แล้วถ้ากินควรกินไปเรื่อยๆมั้ยคะหรือไม่ควรกินนานเกินกี่เดือนกี่ปี
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)