June 01, 2019 15:06
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
ในช่วงที่รับประทานยาคุมกำเนิดอยู่ระดับฮอร์โมนร่างกายจะมีความสม่ำเสมอในทุกรอบเดือนประจำเดือนจึงมาอย่างสม่ำเสมอในช่วงที่รับประทานยาคุมกำเนิดครับ เมื่อหยุดรับประทานยาคุมกำเนิดแล้วสมดุลของฮอร์โมนในร่างกายก็จะมีการเปลี่ยนแปลงไปทำให้ประจำเดือนอาจไม่ได้มาตามลักษณะเดิมในช่วงที่รับประทานยาคุมกำเนิดครับ โดยเฉพาะในคนที่มีปัญหาเกี่ยวระดับฮอร์โมนในร่างกายอยู่เดิมก็จะยิ่งมีโอกาสที่ประจำเดือนจะมาไม่สม่ำเสมอได้มากขึ้น
การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกันหลังจากหยุดรับประทานยาคุมกำเนิดไปแล้วจะมีโอกาสทำให้ผิดพลาดตั้งครรภ์ได้ง่าย แต่ถ้าหากได้รับประทานยาคุมฉุกเฉินไปแล้วโอกาสตั้งครรภ์ดังกล่าวก็จะลดลงไปได้ 75-85% ครับ
ในตอนนี้หมอแนะนำว่าควรรอสังเกตประจำเดือนดูไปอีก 1-2 สัปดาห์ก่อน ถ้าหากประจำเดือนยังไม่มาก็ให้ลองตรวจการตั้งครรภ์ยืนยันดู โดยให้ตรวจห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจ ก็จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 97-99% ครับ
ถ้าหากตรวจแล้วไม่พบการตั้งครรภ์แต่ประจำเดือนก็ยังไม่มาอยู่ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุเพิ่มเติมโดยเฉพาะในกรณีที่ประจำเดือนขาดหายไปนานกว่า 3 เดือนครับ
และหลังจากนี้ถ้าหากต้องการมีเพศสัมพันธ์อีกก็ควรมีการป้องกันทุกครั้งเพื่อความปลอดภัยครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
ไม่ว่าจะเคยรับประทานยาคุมรายเดือนต่อเนื่องกันมานานแค่ไหน แต่เมื่อหยุดรับประทานแล้วก็จะไม่มีผลคุมกำเนิดต่อเนื่องแล้วนะคะ ดังนั้น หากมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน หรือป้องกันด้วยวิธีที่มีประสิทธิภาพต่ำอย่างการหลั่งนอก หรือป้องกันอย่างดีแล้วแต่ถุงยางฉีกขาด ก็จะมีโอกาสตั้งครรภ์ได้สูงค่ะ
และแม้ว่าจะใช้ยาคุมฉุกเฉินเป็นวิธีป้องกันสำรอง แต่เนื่องจากประสิทธิภาพที่ไม่สูงนัก แม้จะใช้ครบขนาดและทันเวลาก็ยังมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 15 - 25% นะคะ
ยาคุมรายเดือนที่ผู้ถามเคยใช้ไม่ได้ทำให้ประจำเดือนคลาดเคลื่อนค่ะ ดังนั้น หากผู้ถามไม่ได้ตั้งครรภ์ และไม่ได้มีปัญหาที่อาจทำให้ฮอร์โมนแปรปรวนอื่น ๆ อยู่แล้ว ประจำเดือนรอบนี้ก็ควรจะมาตรงตามรอบปกติเดิมนะคะ
ในกรณีที่ไม่ตั้งครรภ์ ความเครียด, การเจ็บป่วย, การใช้ยาคุม/ฮอร์โมน (ในกรณีของผู้ถามคือ ยาคุมฉุกเฉิน) หรือแม้แต่ความแปรปรวนของฮอร์โมนตามวัย อาจทำให้ประจำเดือนคลาดเคลื่อนได้ค่ะ
นั่นคือ การใช้ยาคุมฉุกเฉินอาจทำให้ประจำเดือนของผู้ใช้มาเร็วหรือช้ากว่าปกติได้ แต่ก็เพียงเล็กน้อยไม่กี่วันนะคะ
ถ้ามีความเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์ เมื่อไม่มีประจำเดือนมาตามรอบปกติ ก็ควรตรวจการตั้งครรภ์ให้ชัดเจนค่ะ โดยใช้ชุดทดสอบทางปัสสาวะ ตรวจในตอนเช้าหลังตื่นนอน (ปัสสาวะแรกของวัน) ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วันนะคะ
ดังนั้น ในตอนนี้ แนะนำให้งดมีเพศสัมพันธ์แล้วรอดูไปก่อนค่ะว่าจะมีประจำเดือนมาในเร็ว ๆ นี้หรือไม่ แต่ถ้ารอนานแล้วยังไม่มีประจำเดือนมา ก็ให้ตรวจการตั้งครรภ์ด้วยชุดทดสอบทางปัสสาวะตามที่แนะนำไปข้างต้นนะคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
กินยาคุมมาได้ เกือบ 1 ปีค่ะหลังจากกินยาคุมแผงสุดท่ายในเดือน เมษา ปจด. ก็มาปกติค่ะแต่ไม่ได้กินยาคุมต่อและ ปจด. ก็เป็นมาเลื่อยๆแต่เป็นน้อยนะค่ะ ประมาณ12 วันนับจากวันแรกที่เป็น ปจด. เป็นมาจนถึง ต้นเดือน พฤษภาค่ะ หลังจากนั้นก็มี เพศสัมพันธ์กับแฟน วันที่25 ไม่ได้ป้องกันแต่แฟนเอาออก ก่อนที่น้ำ อสุจิจะออกมาคะหลังจากนั้นก็มี เพศสัมพันธ์แบบ ใส่ถุงยางค่ะแล้วมากินยาคุมฉุกเฉินในวันที่ 27 ตอนเช้าค่ะเพราะ26 ตอนใส่ถุงยางไม่เสร็จค่ะแต่ถุงยางขาดเลยได้กินยาวันที่27 เช้าค่ะ ตอนนี่ ปจด. ยังไม่มาเลยค่ะอยากทราบว่า มันเกี่ยวกับยาคุมแบบปกติที่เคยกินมา มันทำให้ฮอร์โมนคลาดเคลื่อนได้รึเปล่า แล้วอยากทราบว่า ปจด. น่าจะมาช่วงไหน และ สามารถตรวจได้เมื่อไหร่คะ ตอนนี้เครียดมากค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)