April 29, 2019 14:23
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
ถ้าผู้ถามรับประทานยาคุม 2 ชนิดร่วมกันไปแล้วก็ไม่เป็นไรค่ะ อาจมีผลข้างเคียงจากยาได้มากกว่าปกติ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะ เจ็บคัดตึงเต้านม และมีเลือดกะปริบกะปรอย แต่ก็ไม่มีอันตรายที่รุนแรงหรือถาวรค่ะ (หรืออาจไม่พบผลข้างเคียงเหล่านี้เลยก็ได้)
แต่ยาคุมรายเดือน ไม่มีผลคุมกำเนิดฉุกเฉิน การใช้ในตอนนี้ไม่มีประโยชน์ ยังไม่สามารถคุมกำเนิดได้ และกลับยิ่งทำให้ประจำเดือนเลื่อนช้าออกไปมากขึ้น ดังนั้น แนะนำให้หยุดใช้ไปก่อนนะคะ
ส่วนยาคุมฉุกเฉิน สามารถใช้ได้หากยังไม่เกิน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ค่ะ อย่างไรก็ตาม ประสิทธิภาพของยาคุมฉุกเฉินไม่ได้สูงมากนะคะ แม้จะใช้ครบขนาดและทันเวลา ก็ยังมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 15 - 25% (ในขณะที่ถ้าใช้ถุงยางถูกต้องและไม่รั่วซึมหรือฉีกขาดจะมีโอกาสตั้งครรภ์เพียง 2%)
หากไม่ตั้งครรภ์ ผู้ใช้ส่วนใหญ่จะมีประจำเดือนมาตรงตามรอบปกติเดิม หรือคลาดเคลื่อนเพียงไม่กี่วันค่ะ ซึ่งประจำเดือนปกติก็ควรจะมีปริมาณมากจนชุ่มผ้าอนามัย 2 - 3 แผ่น/วัน และมาต่อเนื่องกัน 3 - 7 วันนะคะ
ส่วนเลือดกะปริบกะปรอยที่อาจพบภายใน 7 วันหลังรับประทาน เป็นเพียงผลข้างเคียงจากยาค่ะ อาจพบ หรืออาจไม่พบเลยก็ได้ ไม่ได้สำคัญอะไร และไม่ได้บ่งชี้ว่าจะตั้งครรภ์หรือไม่
ถ้าไม่มีประจำเดือนมา หรือกังวลว่าจะตั้งครรภ์ สามารถใช้ชุดทดสอบการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะ ตรวจในตอนเช้าหลังตื่นนอน ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วันได้ค่ะ
และยาคุมฉุกเฉินไม่มีผลคุมกำเนิดต่อเนื่องหลังรับประทานนะคะ หากจะมีเพศสัมพันธ์ซ้ำอีก ควรใช้ถุงยางทุกครั้งค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
การรับประทานยาคุมชนิดรายเดือนแบบปกติจะสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ต่อเมื่อเริ่มรับประทานก่อนการมีเพศสัมพันธ์เท่านั้น ในกรณีนี้จึงไม่สามารถใช้ยาคุมแบบปกติเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ได้ครับ
ยาคุมที่จะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้หลังจากมีเพศสัมพันธ์ไปแล้วจะต้องเป็นยาคุมฉุกเฉิน ซึ่งถ้าหากในตอนนี้ได้รับประทานยาคุมฉุกเฉินไปแล้วก็จะช่วยลดโอกาสตั้งครรภ์ลงไปได้ 75-85%
ในตอนนี้หมอแนะนำให้หยุดรับประทานยาคุมแบบปกติไปก่อนเนื่องจากไม่มีผลช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ในขณะนี้ และหลังจากนี้ถ้าหากจะมีเพศสัมพันธ์อีกก็ให้ใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยทุกครั้งครับ
และถ้าหากยังต้องการที่จะรับประทานยาคุมแบบปกติก็ให้รอให้ประจำเดือนมาก่อนเพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีการตั้งครรภ์ จากนั้นก็ให้เริ่มรับประทานยาภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือน ก็จะช่วยให้ยาคุมเริ่มป้องกันการตั้งครรภ์ได้ทันทีตั้งแต่วันแรกที่รับประทานยาครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
วชิรวิทย์ สุทธิศักดิ์ (แพทย์ทั่วไป) (นพ.)
ตามร้านยาจะเป็น ยี่ห้อ Postinor,Madonna {ตัวยาชนิดเดียวกัน}
แต่ละกล่องจะมี ยา 2 เม็ด
หรือชนิด 1 เม็ด เช่น Maple forte
.............
รับประทานให้เร็วที่สุดหลังจากมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกัน โดย
.............
ให้รับประทานยาคุมฉุกเฉิน ชนิด 2เม็ด เช่น Postinor หรือ Madonna ได้สองวิธี
1.รับประทานทันที 2 เม็ด
2.รับประทาน 1 เม็ดทันที เเละรับประทาน เม็ดต่อไป ในอีก 12 ชม.
สองวิธีประสิทธิภาพไม่เเตกต่างกัน (หรือชนิด 1 เม็ด เช่น Maple forte ก็กินเม็ดเดียวไปเลยครับ)
วิธีเเรกสะดวก แต่อาจเกิดอาการคลื่นไส้อาเจียนได้มากกว่า
วิธีที่สอง อาการคลื่นไส้อาเจียนน้อย เเต่ต้องดูเวลาดีๆ ครับ
.............
หากอาเจียนภายใน 2 ชม.หลังกินยา ต้องกินใหม่นะครับ เพราะยายังไม่ได้ดูดซึม
.............
ผลข้างเคียงของยาคุมฉุกเฉิน เช่น คลื่นไส้อาเจียน คัดตึงเต้านม
และ
หลังรับประทานยาคุมฉุกเฉินจะมีเลือดออกทางช่องคลอดได้ ประมาณ ภายใน1 สัปดาห์หลังกินยา ซึ่งไม่ใช่เลือดประจำเดือน (อาจจะมากระปริบกระปรอย หรือ ไม่มีก็ได้ครับ)
ส่วนประจำเดือนจะมาไกล้เคียงกับรอบประจำเดือนปกติ เเต่อาจมาเร็วหรือช้ากว่ารอบเดือนปกติได้ 1-3สัปดาห์
ดังนั้น หากเกิน3สัปดาห์ไปเเล้วจากวันที่ประจำเดือนควรจะมา
ให้ตรวจการตั้งครรภ์นะครับ
........
การจะให้ชัวร์ว่าไม่ท้องก็ต้องรอประจำเดือนจริงๆมาครับ ซึ่งก็อาจจะเลื่อนได้จากผลของยา หากต้องการตรวจการตั้งครรภ์ ตรวจได้เร็วที่สุด2สัปดาห์หลังมีเพศสัมพันธ์ครับ ระหว่างนี้ถ้ามีเพศสัมพันธ์ใช้ถุงยางไปก่อนครับ
เเละการคุมกำเนิดโดยการคุมกำเนิดฉุกเฉินไม่ควรใช้เกินสองแผงต่อเดือนครับ
...........
หลังจากนี้ถ้าชัวร์ว่าไม่ท้องเเละประจำเดือนมาเเล้ว เเนะนำเลือกวิธีคุมกำเนิด เช่น ยาคุมรายเดือน ฝังยาคุม ฉีดยาคุม หรือใช้ถุงยางอนามัยครับ
.........
ส่วนโอกาสตั้งครรภ์
1.วันที่มีเพศสัมพันธ์ ถ้าอยู่ในช่วงหน้า7วันถึงหลัง7วันของวันที่มีประจำเเดือนวันเเรก เป็นระยะปลอดภัยโอกาสตั้งครรภ์จะน้อยครับ (ก่อนหน้านี้ประจำเดือนต้องมาสม่ำเสมอด้วยครับ) เเต่ไม่ใช่ระยะปลอดภัยก็มีโอกาสตั้งครรภ์มากขึ้นครับ
2.หากรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินภายใน 12-24 ชม.แรกของการมีเพศสัมพันธ์ จะคุมกำเนิดได้ประมาณ 85% รับประทานภายใน 72 ชม. ประมาณ 75%
ส่วนถ้าเกิน 72 ชม.แต่ยังไม่เกิน 120 ชม. จะประมาณ 60% ครับ
สรุปคือยิ่งรับประทานช้า จะยิ่งมีโอกาสท้องครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
สวัสดีดีค่ะ ขอสอบถามหน่อยค่ะ คือเป็นประจำเดือนวันที่ 17-23 มีอะไรกับแฟนวันที่ 28 ตอน 4 โมงเย็น มากินยาคุมตอน 11 โมงเช้าของวันถัดมา คือไม่เคยกินยาคุมมาก่อนแล้วไปซื้อยาคุมธรรมดามาแล้วกินไปได้ 1 เม็ดเพื่อนบอกให้ซื้อยาคุมฉุกเฉินมากินก็เลยไปซื้อมากิน คือกินพร้อมกัน จะเป็นอะไรมั่ยค่ะ มีสิทธิท้องมั่ย
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)