September 01, 2019 03:15
ตอบโดย
พิมพกา ชวนะเวสน์ (สูตินรีแพทย์)
ประจำเดือนไม่มา เกิดได้จากหลายสาเหตุค่ะ
ก่อนอื่นต้องเช็คเรื่องการตั้งครรภ์ก่อนค่ะ
ประจำเดือนปกติ จะมีลักษณะดังนี้ค่ะ
1. มาสม่ำเสมอ ทุก 24-35 วัน โดยส่วนใหญ่ จะมาทุก 28 - 30 วันค่ะ
2. มาครั้งละ 3-7 วันค่ะ
3. ใช้ผ้าอนามัย วันละ ประมาณ 2-3 แผ่นค่ะ
4. มีอาการปวดท้องน้อยได้เล็กน้อย ช่วงวันแรกๆ ไม่ปวดรุนแรง
ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ เกิดได้จากหลายสาเหตุค่ะ โดยสาเหตุหนึ่งที่พบบ่อย คือ เกิดจากภาวะไข่ไม่ตกเรื้อรังค่ะ เมื่อไข่ไม่ตก เมนส์ก็ไม่มา บางครั้งมีเศษของเยื่อบุโพรงมดลูกหลุดออกมา (แต่ไม่ใช่ประจำเดือน) ก็จะมีลักษณะเป็นเลือดออกกระปริยกระปรอย หรือเป็นเลือดสีดำๆได้ค่ะ
อย่างไรก็ตาม อันนี้เป็นแค่สาเหตุที่พบส่วนใหญ่นะคะ การจะรู้ได้แน่นอน ต้องได้รับการตรวจภายใน ตรวจอัลตราซาวด์ หรือบางรายตรวจเลือดร่วมด้วย เพื่อหาสาเหตุก่อนค่ะ และรักษาตามสาเหตุ
บางสาเหตุ อย่างไข่ไม่ตกเรื้อรัง ใช้การรักษาด้วยยาฮอร์โมนได้ค่ะ แต่บางสาเหตู อาจต้องตรวจเพิ่มเติม และรักษามากกว่านั้น
เพราะฉะนั้น แนะนำให้ไปพบแพทย์ เพื่อตรวจร่างกาย ตรวจภายใน เพื่อหาสาเหตุที่แน่ชัดค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ขอบคุณค่ะ แล้วการตรวจครรภ์ควรตรวจหลังจากมีเพศสัมพันธ์แล้วกี่วันคะ
(มีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายกับแฟน วันที่27 ส.ค ค่ะ) แล้วการตรวจครรภ์ตรวจวิธีไหนถึงยังแม่นสุด ต้องตรวจตอนกี่โมง ต้องห้ามกินอะไรรึเปล่าคะ แล้วยี่ห้อตรวจครรภ์สำคัญมั้ยคะ
ตอบโดย
สุวพัชญ์ พิศาลมงคล (นพ.)
สวัสดีครับ
เบื้องต้นหากมีประวัติมีเพศสัมพันธ์ในรอบเดือนที่ผ่านมาแล้วขาดประจำเดือน สงสัยว่าตั้งครรภ์ สามารถหาซื้อชุดทดสอบการตั้งครรภ์ตามร้านขายยาทั่วไปมาทดสอบได้ด้วยตนเองครับ หากทดสอบการตั้งครรภ์อย่างถูกวิธี ผลการทดสอบมีความน่าเชื่อถือสูงมากครับ
________________________
สาเหตุของการขาดประจำเดือน เป็นได้หลายสาเหตุครับ เช่น
- กำลังตั้งครรภ์อยู่ เป็นสาเหตุที่พบบ่อยในผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์
- การรับประทานยาบางชนิด เช่น ยาต้านโรคซึมเศร้า ยาทางจิตเวช เป็นต้น
- ความเครียด, การออกกำลังกายที่หนักจนเกินไป, น้ำหนักตัวน้อยมาก (BMI < 18.5)
- การมีพังผืดในมดลูก (Asherman’s syndrome) มักจะสัมพันธ์กับประวัติที่เคยขูดมดลูกมาก่อน
- การมีระดับฮอร์โมนเพศชายที่สูงกว่าปกติ (Hyperandrogenism) มักสัมพันธ์กับการมีหน้ามัน สิวมาก มีขนขึ้นมากผิดปกติ เช่น โรค Polycystic ovarian syndrome (PCOS)
- การมีระดับฮอร์โมนเพศต่ำกว่าปกติ (Hypogonadism) เช่น รังไข่เสื่อม (Premature ovarian failure) ไม่มีการตกไข่ (Anovulation) เป็นต้น
- การเป็นโรคไทรอยด์
**สาเหตุต่างๆที่ได้กล่าวไปเป็นเพียงตัวอย่างเท่านั้น ซึ่งการวินิจฉัยต้องอาศัยการซักประวัติ และตรวจร่างกายเพิ่มเติมครับ ดังนั้นถ้าสงสัยหรือกังวลแนะนำให้ไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลเพื่อตรวจและให้การรักษาครับ**
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ขอบคุณค่ะ แล้วการตรวจครรภ์ควรตรวจหลังจากมีเพศสัมพันธ์แล้วกี่วันคะ
(มีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายกับแฟน วันที่27 ส.ค ค่ะ) แล้วการตรวจครรภ์ตรวจวิธีไหนถึงยังแม่นสุด ต้องตรวจตอนกี่โมง ต้องห้ามกินอะไรรึเปล่าคะ แล้วยี่ห้อตรวจครรภ์สำคัญมั้ยคะ
สอบถามหน่อยค่ะ พอดีช่วงปลายปีที่แล้ว ปจด มาเดือนเว้นเดือน จนช่วงเดือน ก.พ ปีนี้ ถึงมาปกติค่ะ จนเดือน พ.ค เริ่มมาไม่ปกติต้องกินยาตลอดถึงจะมาค่ะ พอเดือน ส.ค ไม่มาเลยค่ะกินยาก็แล้ว มีวันที่23 ส.ค ปวดท้อง ปจด หนักมาก แต่ปวดแค่วันเดียวแล้วก็หายไป (ปกติเวลามีเพศสัมพันธ์กับแฟนป้องกันตลอดค่ะ และหลังจากนั้นก็เอาน้ำเทเพื่อเช็คทุกครั้งก็ไม่รั่วค่ะ) (มีเพศสัมพันธ์กับแฟนครั้งล่าสุดวันที่ 27 ส.ค ค่ะ) วันที่25 ส.ค มีเพศสัมพันธ์เสร็จตอนดึงออกมีน้ำขาวๆออกมาด้วย เเต่เอาน้ำเทเช็คแล้วก็ไม่รั่วค่ะ อยากทราบว่าควรตรวจครรภ์ก่อนหรือว่าควรมุ่งประเด็นไปที่ ปจด มาไม่ปกติเลยค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)