คลอดลูกได้1เดือน26วันมีอะไรกับแฟนป้องกันด้วยการใช้ถุงยางแต่ถุงยางแตกมีโอกาสท้องไหม ให้นมลูกจะกินยาคุมฉุกเฉินได้ไหม

ในกรณีเลี้ยงลูกด้วยนมแม่สม่ำเสมอ คือให้ทุก 2-3 ชม. การมีประจําเดือนจะทํานายได้ยาก ส่วนใหญ่ประจําเดือนมักจะมาช้า โดยเฉลี่ยประมาณ 20 สัปดาห์หลังคลอดไปแล้วครับ หรืออาจไม่มีประจําเดือนเลยในช่วงที่ให้นมบุตร นั่นคือจะไม่ท้องครับ

กรณีไม่ได้เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ อาจเริ่มมีประจําเดือนภายใน 6 – 8 สัปดาห์หลังคลอด และอาจตกไข่ได้เร็วที่สุดคือ 33 วันหลังคลอดครับ

ดังนั้นถ้าให้นมลูกสม่ำเสมอโอกาสท้องก็น้อยครับ

เเต่เพื่อความชัวร์ เเนะนำพิจารณายาคุมฉุกเฉินครับ ถ้าคนไข้ไม่ได้ให้นมลูกสม่ำเสมอ เช่น ให้เป็นนมชงสลับนมเเม่ หรือไม่ได้ให้นมเเม่เลย เป็นต้น

หลังกินยาคุมฉุกเฉิน
ยานี้ถูกขับออกทางน้ำนมได้ ผู้หญิงที่ให้นมบุตรหากใช้ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินอาจงดให้นมบุตรและทิ้งน้ำนมเป็นเวลาอย่างน้อย 8 ชั่วโมง (แต่ไม่เกิน 24 ชั่วโมง) อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลที่มีอยู่ยาไม่มีผลกระทบต่อการให้นมทารกและไม่มีผลต่อทารกครับ

ตามร้านยาจะเป็น ยี่ห้อ Postinor,Madonna {ตัวยาชนิดเดียวกัน}
แต่ละกล่องจะมี ยา 2 เม็ด
หรือชนิด 1 เม็ด เช่น Maple forte
.............
รับประทานให้เร็วที่สุดหลังจากมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกัน โดย
.............
ให้รับประทานยาคุมฉุกเฉิน ชนิด 2เม็ด เช่น Postinor หรือ Madonna ได้สองวิธี
1.รับประทานทันที 2 เม็ด
2.รับประทาน 1 เม็ดทันที เเละรับประทาน เม็ดต่อไป ในอีก 12 ชม.
สองวิธีประสิทธิภาพไม่เเตกต่างกัน (หรือชนิด 1 เม็ด เช่น Maple forte ก็กินเม็ดเดียวไปเลยครับ)
วิธีเเรกสะดวก แต่อาจเกิดอาการคลื่นไส้อาเจียนได้มากกว่า
วิธีที่สอง อาการคลื่นไส้อาเจียนน้อย เเต่ต้องดูเวลาดีๆ ครับ
.............
หากอาเจียนภายใน 2 ชม.หลังกินยา ต้องกินใหม่นะครับ เพราะยายังไม่ได้ดูดซึม

การจะให้ชัวร์ว่าไม่ท้องก็ต้องรอประจำเดือนจริงๆมาครับ ซึ่งก็อาจจะเลื่อนได้จากผลของยาและการให้นมบุตร หากต้องการตรวจการตั้งครรภ์ ตรวจได้เร็วที่สุด2สัปดาห์หลังมีเพศสัมพันธ์ครับ ระหว่างนี้ถ้ามีเพศสัมพันธ์ใช้ถุงยางไปก่อนครับ

ถ้าตรวจเเล้วไม่ท้องก็เเนะนำให้เว้นสักสัปดาห์เเล้วตรวจซ้ำครับ ถ้าครบเดือนเเล้วไม่ท้องก็น่าจะชัวร์เเล้วครับว่าไม่ได้ท้องจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งนี้ครับ

"คลอดลูกได้ 1 เดือน 26 วัน มีอะไรกับแฟน ป้องกันด้วยการใช้ถุงยางแต่ถุงยางแตก มีโอกาสท้องไหม ให้นมลูกจะกินยาคุมฉุกเฉินได้ไหม"

หากผู้ถามเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพียงอย่างเดียวมาตลอด ไม่ได้ป้อนนมหรืออาหารอื่น ๆ ร่วมด้วย และให้ลูกดูดนมจากเต้าหรือปั๊มนมทุก 2 - 3 ชั่วโมง (ไม่เว้นช่วงห่างเกิน 4 ชั่วโมงในเวลากลางวัน หรือ 6 ชั่วโมงในเวลากลางคืน) ก็น่าจะยังมีผลยับยั้งไข่ตกจากการให้นมบุตรอยู่ ซึ่งมีโอกาสตั้งครรภ์น้อยกว่า 2% ค่ะ (โดยเฉพาะหากยังอยู่ในช่วง 6 เดือนหลังคลอดซึ่งแนะนำให้เลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพียงอย่างเดียว)

ซึ่งในกรณีดังกล่าว ผู้ถามน่าจะยังไม่มีประจำเดือนมาเลยหลังคลอดบุตรนะคะ เพราะถ้ามีประจำเดือนมาแล้ว หมายถึงการยับยั้งไข่ตกจากการให้นมบุตรไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอค่ะ โดยอาจเกิดจากการกระตุ้นเต้านมด้วยการให้ลูกดูดนมจากเต้าหรือปั๊มนมที่ไม่บ่อย, ไม่นาน และไม่สม่ำเสมอเพียงพอ

อย่างไรก็ตาม หากผู้ถามไม่มั่นใจว่ามีผลยังยั้งไข่ตกจากการให้นมบุตรอยู่หรือไม่ ก็สามารถรับประทานยาคุมฉุกเฉินเป็นวิธีป้องกันสำรองได้นะคะ ยาคุมฉุกเฉินไม่ได้ส่งผลกระทบต่อคุณภาพของน้ำนม, ปริมาณน้ำนม หรือระยะเวลาการให้นม จึงสามารถใช้ได้ในหญิงที่ให้นมบุตรค่ะ

"แล้วสามารถเริ่มกินยาคุมได้เมื่อไรคะ"

โดยปกติ เมื่อมีการตรวจหลังคลอดที่ 4 - 6 สัปดาห์ สูตินรีแพทย์จะแนะนำการคุมกำเนิดหลังคลอดบุตรแล้วนะคะ ดังนั้น หากผู้ถามคลอดบุตรมาเกือบ 2 เดือนและผ่านการตรวจหลังคลอดมาแล้ว ก็น่าจะได้รับคำแนะนำดังกล่าวมาแล้วค่ะ

อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่ผู้ถามยังไม่ได้คุมกำเนิดใด ๆ เลย และต้องการใช้ยาคุมรายเดือน หากมีคุณสมบัติครบทั้ง 3 ข้อนี้
1. เลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพียงอย่างเดียว และให้ลูกดูดนมจากเต้าหรือปั๊มนมอย่างสม่ำเสมอทุก 2 - 3 ชั่วโมง
2. ยังไม่มีประจำเดือนมาเลยหลังคลอดบุตร
3. คลอดบุตรมายังไม่ถึง 6 เดือน

จะถือว่าน่าจะยังมีผลยับยั้งไข่ตกจากการให้นมบุตรอยู่นะคะ ดังนั้น เมื่อต้องการเริ่มรับประทานยาคุมรายเดือน ก็สามารถทำได้เลยโดยไม่ต้องรอให้ประจำเดือนมาก่อนค่ะ และจะถือว่ามีผลคุมกำเนิดได้เลยตั้งแต่เม็ดแรกที่รับประทาน จึงมีเพศสัมพันธ์หลั่งในได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วย
..
..
..
แต่ถ้าผู้ถามขาดคุณสมบัติในข้อใดข้อหนึ่ง จาก 3 ข้อที่กล่าวมาข้างต้น และมีเพศสัมพันธ์โดยมีปัญหาถุงยางฉีกขาดไปแล้ว แม้ว่าจะมีการรับประทานยาคุมฉุกเฉินเป็นวิธีป้องกันสำรองก็ตาม แนะนำให้งดมีเพศสัมพันธ์ไปก่อนและรอจนมั่นใจว่าไม่มีการตั้งครรภ์แน่นอนจึงค่อยเริ่มใช้ยาคุมรายเดือนนะคะ โดยมี 2 ทางเลือก คือ

1. รอให้ประจำเดือนมาก่อน

ซึ่งประจำเดือนปกติควรจะมีปริมาณมากจนชุ่มผ้าอนามัย 2 - 3 แผ่น/วัน และมาต่อเนื่องกัน 3 - 7 วันนะคะ อย่าสับสนกับเลือดกะปริบกะปรอยที่เป็นผลข้างเคียงจากยาคุมฉุกเฉิน ซึ่งอาจพบภายใน 7 วันหลังรับประทาน (หรืออาจไม่พบเลยก็ได้)

ถ้าประจำเดือนมาแล้ว ก็หมายถึงไม่มีการตั้งครรภ์ค่ะ สามารถใช้ยาคุมรายเดือนแผงแรกภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือนได้เลย และจะถือว่ามีผลคุมกำเนิดได้ตั้งแต่เม็ดแรกที่รับประทานนะคะ จึงมีเพศสัมพันธ์หลั่งในได้ตามปกติโดยไม่จำเป็นจะต้องใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วย (แต่ควรรอให้ประจำเดือนหายดีก่อนเพื่อไม่ให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อในช่องคลอดและอุ้งเชิงกราน)

ซึ่งแม้ว่าในปัจจุบันจะถือว่าหญิงที่ให้นมบุตรจะสามารถใช้ยาคุมสูตรทั่วไป (ยาคุมชนิดฮอร์โมนรวม) ที่มีฮอร์โมนต่ำหรือต่ำมากได้โดยไม่กระทบกับการให้นม อย่างไรก็ตาม ในช่วง 6 เดือนแรกหลังคลอดที่แนะนำให้เลี้ยงลูกด้วยนมแม่เพียงอย่างเดียว ยาคุมสูตรหญิงให้นมบุตร (ยาคุมชนิดฮอร์โมนโปรเจสตินเดี่ยว) จะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าค่ะ

หรือ 2. ถ้ารอนานแล้วยังไม่มีประจำเดือนมา ให้ตรวจการตั้งครรภ์ด้วยชุดทดสอบทางปัสสาวะ ในตอนเช้าหลังตื่นนอน ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วัน

ถ้าผลตรวจออกมาเป็นไม่ตั้งครรภ์ก็สามารถใช้ยาคุมรายเดือนได้เลยค่ะ แต่จะต้องงดมีเพศสัมพันธ์ หรือต้องใช้ถุงยางไปก่อนในช่วงแรกที่ยังไม่มีผลคุมกำเนิดจากยานะคะ

ซึ่งหากผู้ถามใช้ยาคุมชนิดฮอร์โมนโปรเจสตินเดี่ยว หรือยาคุมสูตรหญิงให้นมบุตร จะต้องรับประทานติดต่อกันให้ครบ 2 วัน (48 ชั่วโมงนับจากเม็ดแรกที่รับประทาน) จึงจะมีผลคุมกำเนิดจากยาและมีเพศสัมพันธ์หลั่งในได้ตามปกติค่ะ (แต่ถ้าผู้ถามใช้ยาคุมชนิดฮอร์โมนรวม หรือยาคุมสูตรทั่วไป จะต้องใช้ติดต่อกันให้ครบ 7 วันก่อนจึงจะมีผลคุมกำเนิดได้นะคะ)