สวัสดีค่ะ ขออนุญาตสอบถามนะคะ ปกติเป็นคนที่มีประจำเดือนมาไม่ปกติค่ะ มาตรงรอบเดือนบ้าง ไม่ตรงบ้าง บางเดือนก็จะเลทไป 1-2 เดือนค่ะ มีประจำเดือนล่าสุดวันแรกวันที่ 5 ตุลาคม วันสุดท้ายวันที่ 11 ตุลาคมค่ะ ตั้งแต่วันที่ 31 ตุลาคมจนถึงวันนี้ ไปเพศสัมพันธ์กับแฟนไป 7 วันค่ะ แต่ว่าป้องกันทุกครั้งนะคะ ใส่ถุงยางอนามัยตลอด หลังจากเสร็จก็จะเช็คตลอด เอาน้ำใส่ในถุงยาง ก็ไม่มีขาดไม่มีรั่วนะคะ แต่ไม่ได้ทานยาคุมค่ะ แต่ตอนนี้ประจำเดือนยังไม่มาเลยค่ะ แต่มีอาการปวดเมื่อยตัว ปวดหัว ทานเยอะบ้าง เหมือนหิวตลอดเวลาอะค่ะ ตัวจะร้อนๆ (ปกติเวลาก่อนมีประจำเดือนจะเป็นแบบนี้ค่ะ) แต่ตอนนี้บางอาการหายไปแล้วค่ะ จะมีแค่รู้สึกปวดเมื่อยตัวกับหิวตลอด อยากทราบว่าที่ตอนนี้ประจำเดือนยังไม่มาเป็นเพราะความเครียดที่ว่ากลัวตั้งครรภ์ นอนดึก หรือประจำเดือนคลาดเคลื่อนรึป่าวคะ แบบนี้จะไม่มีสิทธิ์ท้องใช่ไหมคะ

สวัสดีครับ
การมีเพศสัมพันธ์โดยใช้ถุงยางอนามัยนั้นถ้าหากใช้ได้อย่างถูกต้องแล้วก็จะมีโอกาสตั้งครรภ์ได้เพียง 2% เท่านั้นครับ แต่ถ้าหากประจำเดือนขาดหายไปหมอก็แนะนำให้ลองตรการตั้งครรภ์ยืนยันดูก่อน โดยให้ตรวจห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจ ก็จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 97-99% ครับ

และถ้าหากตรวจไม่พบการตั้งครรภ์ประจำเดือนก็อาจมาช้าได้จากสาเหตุอื่น เช่น ความผิดปกติของฮอร์โมนหรือการตกไข่ ความเครียด ผลข้างเคียงของยาบางชนิด ฯลฯ ซึ่งก็อาจรอประจำเดือนต่อไปก่อนได้อีกระยะหนึ่ง แต่ถ้าหากประจำเดือนขาดหายไปนานกว่า 3 เดือนก็ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุครับ

สวัสดีค่ะ
การป้องกันการตั้งครรภ์โดยถุงยาง สามารถป้องกันได้ประมาน98-99%ค่ะ

การที่ประจำเดือนมาไม่ปกติ ยังเกิดได้จากสาเหตุอื่น นอกจากการตั้งครรภ์ ได้แก่
-เครียด
-อ้วน
-ถุงน้ำรังไข่
-ฮอร์โมนผิดปกติ

เบื้องต้น แนะนำตรวจการตั้งครรภ์หลังจากมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้าย 14วันขึ้นไปค่ะ

รวมถึงพบแพทย์นรีเวช เพื่อหาสาเหตุที่แน่ชัดค่ะ

หากป้องกันตลอดและถุงยางไม่ฉีกขาดก้ไม่มีความเสี่ยงในการตั้งครรภ์ครับ ประจำเดือน อาจมาช้าได้กว่าปกติไม่เกิน7วัน หากประจำเดือนมาช้ากว่าปกติ อาจเกิดได้จากสาเหตุต่างๆ เช่น ความเครียด ความกังวล พักผ่อนไม่เพียงพอ ฮอร์โมนเพศไม่สมดุล โรคไทรอยด์ เนื้องอกที่มดลูกและรังไข่ เป็นต้นครับ