September 26, 2019 21:29
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
โดยปกติแล้วในช่วงที่รับประทานยาคุมยี่ห้อยาสอยู่จะสามารถมีเพศสัมพันธ์ได้อย่างปลอดภัย โดยมีโอกาสผิดพลาดตั้งครรภ์ได้เพียง 0.3-8% เท่านั้นขึ้นอยู่กับความสม่ำเสมอในการรับประทานยาที่ผ่านมาครับ และในช่วงนี้ก็จะไม่จำเป็นต้องรับประทานยาคุมฉุกเฉินเพราะจะทำให้ร่างกายได้รับผลข้างเคียงจากยาโดยไม่จำเป็น รวมถึงอาจมีผลทำให้ประจำเดือนเลื่อนออกไปได้เล็กน้อยครับ
ในช่วงที่รับประทานยาคุมยาสประจำเดือนก็จะต้องมาในช่วงที่รับประทานยาเม็ดที่ 25-28 เม็ดใดก็ได้ ดังนั้นในกรณีนี้จึงยังมีเวลาให้รอสังเกตประจำเดือนต่อไปได้อีก 2 วันครับ หมอแนะนำว่าในตอนนี้ยังไม่ต้องกังวลเรื่องการตั้งครรภ์และให้รอสังเกตประจำเดือนต่อไปก่อน และถ้าหากรับประทานยาหมดแผงแล้วประจำเดือนยังไม่มาก็ให้ลองตรวจการตั้งครรภ์ยืนยันดู โดยให้ตรวจโดยใช้ปัสสาวะแรกของวันที่จะรับประทานยาคุมแผงใหม่ ถ้าหากตรวจแล้วไม่พบการตั้งครรภ์ก็สามารถรับประทานยาคุมแผงใหม่ไปก่อนได้ครับ
และเมื่อเริ่มรับประทานยาคุมแผงใหม่แล้วก็อาจลองตรวจการตั้งครรภ์ยืนยันดูอีกครั้ง โดยให้ตรวจห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจ ก็จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 97-99% ครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
มีวิธีการรู้มห้ไวที่สุดมั้ยคะ ว่าท้องหรือไม่ท้อง (เป็นpcos) กินยาคุมยาส28เม็ดอยู่ค่ะ กินทุกๆ3ทุ่ม +-ไม่เกิน1-2ชม. ค่ะ มีเพศสัมพันธ์กับแฟนแบบไม่ใส่ยางอนามัย(แตกใน)หลายวันอยู่ค่ะ วันนึง2-3ครั้ง ใส่ถุงยางเป็นบางครั้งค่ะ ล่าสุดที่มีเพศสัมพันธ์แบบไม่ใส่ถุงคือวันที่ 19 24 25 ตรงกับวันที่กินยาคุมเม็ดที่ 18 23 24 ค่ะ แต่เคยมีความรู้มาว่าอสุจิจะอยู่ในช่องคลอดได้2-3วัน เลยกินยาคุมฉุกเฉินไปวันที่ 25ค่ะ จะมีโอกาสท้องมั้ยคะ เพราะวันนี้(วันที่26) เป็นวันที่กินยาคุมเม็ดที่เป็นแป้ง แต่ประจำเดือนยังไม่มาค่ะ โอกาสท้องกี่%คะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)