ถ้าเราเดือนนี้กินยาคุมฉุกเฉิน3ครั้งต่อเดือนแล้วจะเปนไรหรอค่ะจะเกิดไรขึ้นรึป่าวค่ะ จะท้องไหมค่ะ แต่ครั้งล่าสุด มีไรกันไม่เสร็จและไม่แตกด้วยค่ะ

การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน หรือป้องกันด้วยวิธีที่มีประสิทธิภาพต่ำ ก็มีโอกาสตั้งครรภ์ได้สูงค่ะ

และยาคุมฉุกเฉินก็มีประสิทธิภาพต่ำกว่าวิธีคุมกำเนิดมาตรฐานมาก ดังนั้น แม้ใช้ไปแล้วก็รับประกันไม่ได้ว่าจะไม่ตั้งครรภ์นะคะ โดยผู้ใช้ยังมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 15 - 25% แม้จะรับประทานครบขนาดและทันเวลาค่ะ

ในขณะที่ถ้าป้องกันด้วยวิธีมาตรฐาน เช่น ใช้ถุงยางอนามัยถูกวิธีและไม่รั่วซึมหรือฉีกขาด จะมีโอกาสตั้งครรภ์เพียง 2%

การนำยาคุมฉุกเฉินมาใช้บ่อย ๆ แทนวิธีคุมกำเนิดปกติ เช่น รับประทานยาคุมฉุกเฉินเพราะไม่อยากใช้ถุงยางอนามัย จึงเสี่ยงที่จะป้องกันไม่สำเร็จ และตั้งครรภ์ไม่พร้อมได้มากกว่าที่ควรจะเป็นหลายเท่านะคะ

ถ้าไม่ตั้งครรภ์ ประจำเดือนของผู้ใช้ยาคุมฉุกเฉินมักจะมาตามรอบปกติเดิม หรือคลาดเคลื่อนเพียงไม่กี่วันค่ะ โดยประจำเดือนปกติก็ควรจะมีปริมาณมากจนชุ่มผ้าอนามัย 2 - 3 แผ่น/วัน และมาต่อเนื่องกัน 3 - 7 วันนะคะ

ส่วนเลือดที่เป็นผลข้างเคียงจากยาซึ่งอาจพบภายใน 7 วันหลังรับประทาน โดยเป็นหยดเลือดซึมหรือเลือดกะปริบกะปรอย ไม่ได้มีความสำคัญใด ๆ ค่ะ ไม่ว่าจะพบ หรือไม่พบ ก็ไม่ได้บ่งชี้ว่าจะตั้งครรภ์หรือไม่นะคะ

ดังนั้น หากผู้ถามไม่มีประจำเดือนมาตามรอบปกติ หรือกังวลว่าจะตั้งครรภ์ ก็สามารถตรวจการตั้งครรภ์ให้ชัดเจน ด้วยการใช้ชุดทดสอบการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะ ตรวจในตอนเช้าหลังตื่นนอน (ปัสสาวะแรกของวัน) ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วันได้ค่ะ

ในอดีต มีความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่รุนแรงซึ่งอาจเกิดจากการใช้ยาคุมฉุกเฉิน ซึ่งแม้ว่าการศึกษาในปัจจุบันจะพบว่าความเชื่อนั้นไม่เป็นจริง แต่ก็ยังมีการส่งต่อข้อมูลที่ไม่ถูกต้องดังกล่าวเรื่อยมา

ในปี ค.ศ. 2010 องค์การอนามัยโลก (WHO) จึงได้เผยแพร่เอกสารวิชาการ โดยชี้แจงถึงประเด็นที่เป็นข้อสงสัยหรือมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนเกี่ยวกับยาคุมฉุกเฉินชนิดตัวยาลีโวนอร์เจสเทรล (ซึ่งเป็นยาคุมฉุกเฉินที่มีใช้ในบ้านเรา) ดังนี้ค่ะ

1. การใช้ยาคุมฉุกเฉินชนิดตัวยาลีโวนอร์เจสเทรล (Levonorgestrel emergency contraceptive pill: LNG-ECP) ไม่ได้เพิ่มความเสี่ยงของการตั้งครรภ์นอกมดลูก เนื่องจากมีข้อมูลจากการศึกษาที่เชื่อถือได้จำนวนมากที่ชี้ว่า อุบัติการณ์การตั้งครรภ์นอกมดลูกในผู้ที่ใช้ LNG-ECP ไม่แตกต่างจากผู้ที่ไม่เคยใช้

2. เนื่องจากไม่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนเป็นส่วนประกอบ จึงไม่พบว่าการใช้ LNG-ECP จะเพิ่มความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) หรือการเกิดลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำ (Venous thromboembolism: VTE)

3. ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ใด ๆ ที่ยืนยันได้ว่าการใช้ LNG-ECP เพิ่มความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งต่าง ๆ

4. การใช้ LNG-ECP ไม่มีผลต่อการมีบุตรหรือโอกาสตั้งครรภ์ในอนาคต (นั่นคือไม่ได้ทำให้มีบุตรยาก)

5. แม้มีการใช้ LNG-ECP เกินขนาด หรือใช้ซ้ำมากกว่า 1 ครั้งในรอบเดือนเดียวกัน ก็ไม่พบความเสี่ยงที่ร้ายแรง

6. มีไม่ถึง 1 ใน 5 ของผู้ใช้ LNG-ECP ที่เกิดอาการอันไม่พึงประสงค์จากยา และไม่พบผลข้างเคียงที่รุนแรงหรือถาวร แต่พบเพียงอาการเล็ก ๆ น้อย ๆ และเกิดขึ้นในระยะเวลาสั้น ๆ เช่น ประจำเดือนไม่ปกติ ปวดศีรษะ คลื่นไส้ ปวดท้อง หรือไม่สบายท้อง

7. หากการคุมกำเนิดล้มเหลวและเกิดการตั้งครรภ์ ไม่พบว่า LNG-ECP มีความเสี่ยงต่อทารกในครรภ์ รวมถึงไม่มีผลให้เกิดการแท้งบุตร

8. หญิงให้นมบุตรสามารถใช้ LNG-ECP ได้เช่นเดียวกับสตรีทั่วไป

จะเห็นได้ว่าไม่มีผลกระทบที่รุนแรงหรือถาวรใด ๆ จากการใช้ยาคุมฉุกเฉินชนิดตัวยาลีโวนอร์เจสเทรล แม้จะมีการใช้บ่อย ๆ ก็ตาม ในปัจจุบัน จึงได้มีการนำคำเตือนที่ว่า "ไม่ควรใช้เกินเดือนละ 2 กล่อง" ออกไปจากฉลากยาคุมฉุกเฉินแล้วนะคะ

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากยาคุมฉุกเฉินมีประสิทธิภาพต่ำกว่าวิธีคุมกำเนิดมาตรฐานมาก จึงควรใช้ยาคุมฉุกเฉินเฉพาะในกรณีที่จำเป็นฉุกเฉินเท่านั้นค่ะ เช่น ถูกข่มขืน หรือใช้เป็นวิธีเสริมในกรณีที่วิธีหลักล้มเหลว เช่น ถุงยางฉีกขาด หรือลืมรับประทานยาคุมรายเดือน เป็นต้น

เพราะการนำยาคุมฉุกเฉินมาใช้แทนวิธีคุมกำเนิดปกติเพียงเพราะเห็นว่าใช้สะดวก อาจป้องกันไม่สำเร็จ และเกิดการตั้งครรภ์ไม่พร้อมได้มาก แม้จะรับประทานถูกวิธีแล้วก็ตามค่ะ