July 31, 2019 21:22
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
การมีเพศสัมพันธ์ในช่วงที่มีผลคุมกำเนิดจากยาฉีดคุมกำเนิด ผู้ใช้จะมีโอกาสตั้งครรภ์ 0.2 - 6% หรือค่อนไปทางต่ำ คือ 0.2% ถ้าไปฉีดยาคุมตรงตามนัดสม่ำเสมอ
แต่ผลข้างเคียงเด่น ๆ ของยาคุมชนิดที่ฉีดทุก 3 เดือน ก็คือ อาจมีเลือดออกกะปริบกะปรอย, ประจำเดือนไม่ปกติ หรือไม่มีประจำเดือนค่ะ ซึ่งลักษณะและระยะเวลาที่พบอาจแตกต่างกันไปในผู้ใช้แต่ละราย
หากผู้ถามฉีดยาคุมเข็มแรกถูกต้อง และฉีดยาคุมเข็มนี้ตรงตามนัด ก็มีความเสี่ยงน้อยมากที่จะตั้งครรภ์นะคะ และสามารถมีเพศสัมพันธ์หลั่งในได้ตามปกติ ไม่จำเป็นจะต้องคุมกำเนิดด้วยวิธีอื่น ๆ ร่วมด้วยค่ะ
อย่างไรก็ตาม หากการที่ไม่มีประจำเดือนมาทำให้ผู้ถามกังวลว่าอาจตั้งครรภ์ ก็สามารถตรวจให้ชัดเจนได้ โดยใช้ชุดทดสอบการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะ ตรวจในตอนเช้าหลังตื่นนอน ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วันนะคะ
..
..
..
ประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดของยาคุมชนิดฉีดเหนือกว่ายาคุมชนิดรับประทานนะคะ และการที่ไม่ต้องบริหารยาบ่อย ๆ จึงไม่ต้องกังวลว่าจะลืมรับประทานซึ่งอาจลดประสิทธิภาพของยาคุมค่ะ
อย่างไรก็ตาม หากผู้ถามจะเปลี่ยนไปคุมกำเนิดด้วยวิธีรับประทานยาคุม ก็จะต้องรับประทานยาคุมให้ตรงเวลาสม่ำเสมอ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการป้องกันการตั้งครรภ์ด้วยนะคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
วชิรวิทย์ สุทธิศักดิ์ (แพทย์ทั่วไป) (นพ.)
1.ถ้าฉีดต่อเนื่องมาตลอด ยาจะมีฤทธิ์คุมกำเนิดนะครับ
เเละที่ประจำเดือนไม่มา เป็นผลจากยาฉีดรายสามเดือนได้ครับ
การฉีดยาคุมรายสามเดือน ซึ่งเป็นฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน มีผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยคือ เลือดประจำเดือนออกกระปริบกระปรอยครับ บางคนฉีดไปนานๆ ประจำเดือนจะหายไปได้ครับ
หลังหยุดฉีดยา กว่าไข่จะตกมีประจำเดือนปกติได้ จะประมาณ9-12เดือนครับ(ดังนั้นหลังหยุดฉีด จะกลับมาท้องได้ช้ากว่าชนิดฉีดทุก1เดือน) ครับ
2.ถ้ากังวลก็เเนะนำตรวจการตั้งครรภ์ครับ
- ชุดตรวจมีหลากหลายครับ ในรายละเอียดอาจจะต่างกันบ้าง ให้ดูตามคำเเนะนำในกล่องน่าจะดีที่สุดแต่โดยทั้วไปก็คือให้ปัสสาวะใส่ภาชนะ จุ่มที่ทดสอบลงไประยะเวลาหนึ่ง เอาขึ้นมาตั้ง รอเวลา แล้วจึงอ่านผล
- วิธีการเก็บปัสสาวะตรวจก็มีผลต่อการแปลผลมาก
ผลจะแม่นที่สุดควรจะต้องเป็นปัสสาวะครั้งแรกตอนเช้าที่เพิ่งตื่นนอนมาเพราะจะเป็นปัสสาวะที่เข้มข้น ถ้ามี hCG อยู่ก็จะตรวจพบได้ง่ายกว่า
- ชุดตรวจส่วนใหญ่จะแสดงผลเป็นขีดๆ โดยขีดแรกเป็นเส้น control จะต้องขึ้นเสมอไม่ว่าจะท้องหรือไม่ ถ้าไม่ขึ้นแปลว่าที่ตรวจนั้นเสีย ส่วนขีดที่สองถึงจะเป็นตัวบอกว่ามี hCG อยู่
...........
ดังนั้น สองขีดคือท้อง
...........
ขีดเดียวคือไม่ท้อง ถ้าไม่มีซักขีดคือชุดตรวจเสียครับ
3.ปกติเเนะนำให้เปลี่ยนเป็นกินยาคุม ภายในไม่เกิน15สัปดาห์นับจากวันที่ฉีดยาคุมกำเนิดเข็มล่าสุดครับ
.......
เเต่ถ้าไม่ทัน ก็กินได้ครับ เเต่ตอนเริ่มกินยาคุมต้องชัวร์ว่าไม่ท้อง เเละ ต้องกินไปอย่างน้อย 7 วัน ครับ ยาถึงจะมีฤทธิ์คุมกำเนิดได้ ระหว่างนั้น ต้องงดมีเพศสัมพันธ์ หรือใช้ถุงยางอนามัยครับ
......
ยาคุมกำเนิดรายเดือน รุ่นใหม่ๆ เช่น Yaz Yasmin Oilezz พวกนี้มีฤทธิ์ต้านฮอร์โมนเพศชาย ทำให้ สิวลดลงได้ครับ
ถ้าเป็นแผง21เม็ดหลังกินหมดเเผง ให้เว้น 7 วัน เเล้วเริ่มเเผงใหม่ครับ เเต่ถ้าเป็น28เม็ดเมื่อหมดเเผงให้กินเเผงต่อไป ต่อไปเลยครับ
.........
ถ้ากรณี21เม็ด ช่วงที่เว้น7วันก่อนเริ่มยาแผงใหม่จะมีประจำเดือนมา
.........
ส่วนกรณี28เม็ด ช่วงที่กิน7เม็ดสุดท้าย(เม็ดเเป้ง) จะมีประจำเดือนมา ครับ
.........
ผลข้างเคียงคือ คลื่นไส้อาเจียน คัดตึงเต้านม บวม
ใช้นานๆระยะยาวอาจมีฝ้าได้
(เเนะนำให้กินก่อนนอน จะได้ไม่ลืมเเละลดผลข้างเคียงเรื่องคลื่นไส้อาเจียน)
.........
ควรหลีกเลี่ยงการกินยากรณีที่
- ให้นมลูกอยู่ เพราะยาทำให้น้ำนมไหลน้อยได้
- มีโรคประจำตัว เช่น โรคตับ เคยเป็นโรคหัวใจ โรคสมองขาดเลือด ลิ่มเลือดอุดตันที่ขา เป็นต้นครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
พิชญาพร กูลนุวัฒน์ (พญ.)
สวัสดีค่ะ
ยาคุมกำเนิดแบบฉีด ชนิดฮอร์โมนเดี่ยว คือมีเฉพาะฮอร์โมนโปรเจสติน ต้องฉีดทุก 3 เดือน (12สัปดาห์) การฉีดฮอร์โมนชนิดนี้มีผลทำให้ประจำเดือนขาด หรือมีปัญหาเลือดออกกะปริดกะปรอยทางช่องคลอดได้ค่ะ
ดังนั้น หากประจำเดือนไม่มาถือเป็นเรื่องปกติค่ะ
สำหรับการใช้ในคนทั่วไปโอกาสตั้งครรภ์ 3% และในคนที่ฉีดยาสม่ำเสมอสมบูรณ์แบบตรงเวลา โอกาสตั้งครรภ์มีเพียง 0.3% หลั่งในได้ค่ะ
สำหรับการทานยาคุมกำเนิดรายเดือนนั้น จะต้องมีประจำเดือนมาในช่วงที่ไม่มีฮอร์โมนค่ะ (วันที่ 22-28 ของแผง 28 เม็ด หรือวันที่ หมดยาแผง 21 เม็ดค่ะ) การทานยาคุมกำเนิดรายเดือน อย่างตรงเวลา สม่ำเสมอ มีโอกาสผิดพลาดได้ 0.3%ค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
การฉีดยาคุมกำเนิดชนิด 3 เดือนนั้นอาจมีผลข้างเคียงทำให้ประจำเดือนขาดหายไปได้ และการขาดประจำเดือนนี้ก็อาจต่อเนื่องไปถึงช่วงหลังหยุดฉีดยาคุมอีกระยะหนึ่งครับ
ในช่วงที่ฉีดยาคุมนั้นจะมีโอกาสผิดพลาดตั้งครรภ์ได้ 0.3-3% และในช่วงที่รับประทานยาคุมอยู่ก็จะมีโอกาสผิดพลาดตั้งครรภ์ได้ 0.3-8% ขึ้นอยู่กับความสม่ำเสมอในการรับประทานยา ดังนั้นถ้าหากมีการคุมกำเนิดที่ต่อเนื่องมาตลอดโอกาสที่จะผิดพลาดตั้งครรภ์ก็มีน้อยมากครับ
แต่ถ้าหากต้องการความมั่นใจก็สามารถลองตรวจการตั้งครรภ์ดูก่อนได้ โดยให้ตรวจห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจ ก็จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 97-99% ครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
นุฉีดยาคุมแบบ3เดือนอ่ะ ฉีดไป2เข้ม เข้มเเรกมาปกติค่ะ พอเข้มที่2มาแค่เดือนที่แร้วอ่ะค่ะ แต่เดือนนี้ยังไม่เป้นอ่ะค่ะ จนสิ้นเดือนเเร้ว พอเข้มที่3นุไม่ฉีดแร้วค่ะจะเปลี่ยนมากิน แต่นุกลัวท้องค่ะ แฟนเเตกนอกตลอดแต่ว่านุกลัวมีพลาดมีแตกในอ่ะกลัวจะท้อง มันเป้นเพราะอะไรค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)