ประจำเดือนหมดไปเมื่อ 16 พฤษภาคม หลังจากนั้นวันที่26 ก็ได้มีเพศสัมพันธ์ และกินยาคุม ผ่านมา7วัน วันที่ 1 มิถุนายน มีเลือดออกเยอะ ชุ่ม ผ้าอนามัย 2-3วัน แบบนี้ ยังเสี่ยงจะท้องอยู่ไหมคะ แล้วพอคาดคะเน ช่วงที่เมนส์จะมาครั้งต่อไปได้ไหมคะ

สวัสดีครับ
ยาคุมที่รับประทานไปคือยาคุมกำเนิดแบบรายเดือนหรือยาคุมฉุกเฉินครับ

ถ้ายาที่รับประทานคือยาคุมแบบรายเดือนและเพิ่งมารับประทานหลังจากมีเพศสัมพันธ์ไปแล้วก็จะไม่สามารถใช้ป้องกันการตั้งครรภ์ได้ครับ

แต่ถ้าหากรับประทานยาคุมฉุกเฉินไป โอกาสตั้งครรภ์ก็จะลดลงไปเหลืออยู่ประมาณ 75-85% และอาการเลือดออกที่เกิดขึ้นนี้ก็อาจเป็นผลข้างเคียงของยาคุมฉุกเฉินได้ แต่การมีอาการนี้ก็ไม่สามารถใช้บ่งบอกได้ว่าจะมีการตั้งครรภ์หรือไม่ครับ

ถ้าหากเดิมเป็นคนที่มีประจำเดือนมาสม่ำเสมอหลังรับประทานยาคุมฉุกเฉินประจำเดือนก็จะยังมาใกล้เคียงกับกำหนดประจำเดือนเดิมอยู่ แต่ถ้าหากเดิมมีประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอก็คาดการณ์ได้ยากว่าประจำเดือนจะมาอีกครั้งเมื่อไหร่ครับ

ในเบื้องต้นนั้นอาจใจเย็นๆและรอประจำเดือนไปก่อนได้ครับ แต่ถ้าหากถึงเวลาที่ประจำเดือนควรมาแล้วประจำเดือนยังไม่มาก็ควรลองตรวจการตั้งครรภ์ยืนยันดู โดยให้ตรวจห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจ ก็จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 97-99% ครับ

ประจำเดือนปกติควรจะมีปริมาณมากจนชุ่มผ้าอนามัย 2 - 3 แผ่น/วัน + มาต่อเนื่องกัน 3 - 7 วัน + มาตรงตามรอบปกติเดิม หรือคลาดเคลื่อนไม่มากค่ะ

เนื่องจากไม่ทราบรอบประจำเดือนของผู้ถาม รวมถึงไม่ทราบว่าที่ผ่านมาผู้ถามมีประจำเดือนมาตรงเวลาสม่ำเสมอหรือไม่ ดังนั้น แนะนำเช่นนี้นะคะ

1. หากผู้ถามไม่มั่นใจว่าเลือดที่ออกมาล่าสุดเป็นประจำเดือนหรือไม่ หรือกังวลว่าอาจมีการตั้งครรภ์ สามารถตรวจการตั้งครรภ์ให้ชัดเจน โดยใช้ชุดทดสอบการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะ ตรวจในตอนเช้าหลังตื่นนอน ปัสสาวะแรกของวัน ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วันได้ค่ะ

ถ้าวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดคือ 26 พฤษภาคม ก็สามารถตรวจการตั้งครรภ์ในตอนเช้าหลังตื่นนอนของวันพรุ่งนี้ได้นะคะ

2. หากเลือดที่ออกมาล่าสุด มาตรงตามรอบปกติเดิมของผู้ถาม หรือคลาดเคลื่อนไม่มาก ประจำเดือนรอบต่อไปก็ควรจะมาตรงตามรอบปกติเดิม หรือคลาดเคลื่อนไม่มากเช่นกันค่ะ

แต่ถ้าผู้ถามมีปัญหาประจำเดือนมาไม่ปกติอยู่เรื่อย ๆ หรือไม่มีประจำเดือนมาติดต่อกัน 3 เดือนขึ้นไปทั้งที่ไม่ได้ตั้งครรภ์ ก็ควรไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติมหาสาเหตุที่แท้จริงและพิจารณาการรักษาที่เหมาะสมนะคะ