อยากรู้ว่าหลังจากที่กินยาคุมฉุกเฉินไปแล้วประจำเดือนจะมาช้าสุดได้กี่วันคะ เรามีพสพกับแฟนตอนวันที่5กย.แบบไม่ใส่ถุง เช้าวันถัดมาเราเลยกินยาคุมฉุกเฉินไป อีก1อาทิตย์ให้หลังเรามีเลือดออกมาค่อนข้างเยอะประมาณ3วัน ไม่แน่ใจว่าเป็นประจำเดือนเดือนหรือผลข้างเคียงของยาคุม เพราะเดือนก่อนหน้าเรามีประจำเดือนวันที่25สค.หมดประมาณสิ้นเดือนพอดี พอวันที่25กย.เรามีพสพกับแฟนอีกแบบใส่ถุงแต่ถุงดันหลุด เลยซื้อยาคุมฉุกเฉินมากินดักไว้ เลยอยากทราบว่าหลังกินยาคุมฉุกเฉินเฉินประจำเดือนจะเคลื่อนมากสุดกี่วัน สามารถซื้อที่ตรวจครรภ์มาตรวจได้เลยมั้ย หรืออาจจะเป็นเพราะเราเครียดๆด้วยเลยทำให้ประจำเดือนมาช้า

มากกว่า 90% ของผู้ที่ใช้ยาคุมฉุกเฉิน จะมีประจำเดือนมาตรงตามรอบปกติ หรือคลาดเคลื่อนไม่เกิน 4 วัน

ดังนั้น หากที่ผ่านมา ผู้ถามมีประจำเดือนมาตรงเวลาสม่ำเสมอ ก็น่าจะมีประจำเดือนมาตามรอบปกติเดิม หรือคลาดเคลื่อนเล็กน้อยค่ะ จึงต้องพิจารณาว่า 3 - 6 เดือนที่ผ่านมา มักจะมีประจำเดือนมาห่างกันทุก ๆ กี่วัน แล้วนำมาคาดการณ์ว่าในรอบปัจจุบันควรมาเมื่อไหร่ แล้วบวกลบเวลาที่อาจคลาดเคลื่อนไปนะคะ

แต่ถ้าผู้ถามมีประจำเดือนมาไม่ค่อยตรงเวลา ก็บอกได้ยากว่าจะมีประจำเดือนมาอีกทีในวันไหน ต่อให้ไม่ได้รับประทานยาคุมฉุกเฉินเลยก็ตาม เนื่องจากมีโอกาสที่ประจำเดือนจะแปรปรวนได้ตามเดิมอยู่แล้ว ทั้งอาจมีผลจากความเครียดร่วมด้วยก็เป็นได้

ซึ่งเมื่อพิจารณาเลือดที่ออกมา 2 ครั้งล่าสุด มีระยะห่างไม่มาก จึงไม่มั่นใจว่าผู้ถามมีรอบประจำเดือนสั้นอยู่แล้วหรือไม่ หรือว่าเลือดที่ออกมาครั้งล่าสุดจะเป็นเพียงเลือดกะปริบกะปรอยที่เป็นผลข้างเคียงจากยาคุมฉุกเฉิน

อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่ไม่มั่นใจ และต้องการตรวจการตั้งครรภ์ สามารถตรวจโดยใช้ชุดทดสอบทางปัสสาวะ ตรวจในตอนเช้าหลังตื่นนอน ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วันนะคะ

ยาคุมฉุกเฉินจะทำให้ประจำเดือนคลาดเคลื่อนได้แต่ก็ไม่มากค่ะประมาณ3-4วันในผู้ที่ประจำเดือนมากปกติทุกเดือน โดยปกติจะมีเลือดออกคล้ายประจำเดือนหลังทานยาคุมฉุกเฉินไปประมาณ1สัปดาห์ เป็นผลข้างเคียงจากยา อีกอย่างมีการทานยาคุมฉุกเฉินซ้ำอีกรอบ ก็อาจจะทำให้ประจำเดือนเคลื่อนไปได้อีกค่ะ

สามารถตรวจการตั้งครรภ์โดยทดสอบจากปัสสาวะ ได้ประมาณ14วันหลังมีเพศสัมพันธ์ค่ะ แนะนำให้ใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้าหากผลขึ้นขีดเดียว ยังไม่สามารถวางใจได้เพราะอาจเป็นผลลบลวงจาก ปัสสาวะเจือจาง หรือระดับฮอร์โมนยังไม่สูงพอ อีก2-3วัน แนะนำให้ตรวจซ้ำอีกค่ะ
หากประจำเดือนไม่มาเลยแต่ก็ไม่มีการตั้งครรภ์ ควรพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายเพิ่มเติมค่ะ

ถ้าประจำเดือนมาตรงรอบสม่ำเสมอ ก็ไม่น่าจะมาเร็วหรือช้ากว่าวันที่คาดไว้เกิน 4 - 7 วันค่ะ

แต่ถ้าประจำเดือนมาไม่ตรงรอบอยู่เรื่อย ๆ จะไม่สามารถระบุแน่ชัดได้นะคะ เพราะอาจมีสาเหตุอื่นที่ทำให้ประจำเดือนคลาดเคลื่อนได้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะใช้หรือไม่ใช้ยาคุมฉุกเฉินก็ตามค่ะ

ผลข้างเคียงจากยามักจะเป็นแค่หยดเลือดซึม หรือเลือดกะปริบกะปรอยค่ะ มาไม่กี่วันก็หายไป

ส่วนประจำเดือนนั้น ต่อให้มาน้อยอย่างไรก็ควรจะมีปริมาณเลือดไม่น้อยกว่า 20 - 30 มิลลิลิตร/วัน นั่นคือ ควรมากจนชุ่มผ้าอนามัยอย่างน้อย 1 แผ่น และมาต่อเนื่องกันไม่น้อยกว่า 2 วันนะคะ

อย่างไรก็ตาม หากไม่มั่นใจ และกังวลว่าจะตั้งครรภ์ แนะนำให้ตรวจการตั้งครรภ์ในเวลาที่เหมาะสมเพื่อความชัดเจนค่ะ

1. ความเครียด, การเจ็บป่วย, การใช้ฮอร์โมน หรือแม้แต่ความแปรปรวนของฮอร์โมนตามวัย ก็อาจส่งผลให้เกิดความแปรปรวนของฮอร์โมนในร่างกาย และทำให้ประจำเดือนคลาดเคลื่อน ช้าหรือเร็วกว่าวันที่คาดไว้ได้ค่ะ

2. ถ้าไม่มีอาการผิดปกติอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ตกขาวผิดปกติ, มีกลิ่นเหม็นคาวหรือกลิ่นรุนแรง, แสบหรือคันช่องคลอด, ปวดท้องรุนแรง เลือดที่ออกมา "มากและนาน" (ตามที่ได้กล่าวไปแล้ว) ก็น่าจะเป็นประจำเดือนค่ะ แต่ถ้ามีความผิดปกติอื่น ๆ ร่วมด้วย ก็ควรไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติมว่าเกิดจากสาเหตุใดกันแน่ และรับการรักษาที่เหมาะสมนะคะ

3. ยืนยันซ้ำเช่นเดิมนะคะ หากไม่มั่นใจ ควรตรวจการตั้งครรภ์เพื่อความชัดเจน จะได้ไม่ต้องกังวลกับการสังเกตและแยกแยะลักษณะของเลือดที่ออกมาจากช่องคลอด หรือคอยนับวันเวลาที่เลือดออกมาค่ะ

หากไม่ตั้งครรภ์ ประจำเดือนจะมาตามรอบปกติเดิมของผู้ใช้ หรืออาจคลาดเคลื่อนเพียงไม่กี่วันค่ะ ซึ่งประจำเดือนปกติควรจะมีปริมาณมากจนชุ่มผ้าอนามัย 2 - 3 แผ่น/วัน และมาต่อเนื่องกัน 3 - 7 วัน

ส่วนเลือดกะปริบกะปรอยที่เป็นผลข้างเคียงจากยา ไม่ใช่ประจำเดือนนะคะ อาจพบภายใน 7 วันหลังรับประทาน หรืออาจไม่พบเลยก็ได้ แต่ไม่ได้สำคัญอะไร และไม่ได้บ่งชี้ว่าจะตั้งครรภ์หรือไม่

ดังนั้น หากยังไม่ถึงรอบประจำเดือนของผู้ถาม ก็ไม่แปลกที่จะยังไม่มีประจำเดือนมาค่ะ และไม่ต้องสนใจว่าจะมีเลือดกะปริบกะปรอยที่เป็นผลข้างเคียงจากยาคุมฉุกเฉินหรือไม่

แต่ถ้าเกินรอบประจำเดือนปกติของผู้ถามไปนานแล้ว แนะนำให้ตรวจการตั้งครรภ์ให้ชัดเจนนะคะ โดยใช้ชุดทดสอบทางปัสสาวะตรวจในตอนเช้าหลังตื่นนอน ปัสสาวะแรกของวัน ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วันค่ะ

ถ้าไม่มีการตั้งครรภ์ ผู้ใช้ยาคุมฉุกเฉินส่วนใหญ่จะมีประจำเดือนมาตรงตามรอบปกติเดิม หรือคลาดเคลื่อนไม่มากค่ะ โดยประจำเดือนปกติควรจะมีปริมาณมากจนชุ่มผ้าอนามัย 2 - 3 แผ่น/วัน และมาต่อเนื่องกัน 3 - 7 วันนะคะ

ส่วนเลือดกะปริบกะปรอยที่เป็นผลข้างเคียงจากยา อาจพบภายใน 7 วันหลังรับประทาน หรืออาจไม่พบเลยก็ได้ ไม่ได้สำคัญอะไร และไม่ได้บ่งชี้ว่าจะตั้งครรภ์หรือไม่

จึงต้องรอดูต่อไปว่าจะมีประจำเดือนมาตามปกติหรือเปล่านะคะ

ถ้าไม่มีประจำเดือนมา หรือถ้ากังวลว่าจะตั้งครรภ์ สามารถตรวจให้ชัดเจนได้ โดยใช้ชุดสอบการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะ ตรวจในตอนเช้าหลังตื่นนอน ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วันค่ะ
..
..
..
และเนื่องจากยาคุมฉุกเฉินมีประสิทธิภาพต่ำกว่าวิธีคุมกำเนิดมาตรฐาน การที่ผู้ถามนำมาใช้แทนวิธีคุมกำเนิดปกติเพียงเพราะไม่อยากใส่ถุงยาง อีกทั้งยังใช้อย่างไม่เหมาะสม ก็เสี่ยงที่จะป้องกันไม่สำเร็จและอาจตั้งครรภ์ไม่พร้อมได้มากกว่าที่ควรจะเป็นค่ะ

ดังนั้น ยังไม่แนะนำให้ใช้ยาคุมรายเดือนในตอนนี้นะคะ แต่ควรรอให้ประจำเดือนมาก่อน เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ถามไม่ได้มีความเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์อย่างแน่นอน

ถ้าประจำเดือนมาแล้ว (ต้องเป็นประจำเดือนจริง ๆ ไม่ใช่เลือดกะปริบกะปรอยที่เป็นผลข้างเคียงจากยา) หากต้องการคุมกำเนิดต่อไปข้างหน้า ก็ให้เริ่มรับประทานยาคุมรายเดือนแผงแรกภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือน และจะถือว่ามีผลคุมกำเนิดได้ตั้งแต่เม็ดแรกที่รับประทานค่ะ

แต่ควรรอให้ประจำเดือนหายดีก่อนจึงค่อยมีเพศสัมพันธ์ เพื่อไม่ให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อในช่องคลอดและอุ้งเชิงกรานนะคะ