อย่างที่ทุกคนทราบกันดีอยู่แล้วว่า ดวงตาเป็นหนึ่งในอวัยวะที่สำคัญมากที่สุด เราจะไม่สามารถมองเห็นสิ่งต่างๆ ได้หากไม่มีดวงตา อย่างไรก็ตาม ดวงตามีความเหมือนกับอวัยวะอื่นๆ ตรงที่หากมีปัญหาใดๆ เกิดขึ้น มันก็จะแสดงอาการออกมาให้เรารู้ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่เราควรหมั่นสังเกตความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับดวงตา เพื่อที่จะได้รีบรักษาได้ทันท่วงที หากคุณมีอาการตามที่เราจะกล่าวหลังจากนี้ คุณไม่ควรนิ่งนอนใจค่ะ
1.ตาพร่าแบบฉับพลัน
การสูญเสียความสามารถในการมองเห็นอย่างฉับพลันและรวดเร็ว อาจเป็นสัญญาณของปัญหาที่เกี่ยวกับการไหลเวียนของเลือดไปยังดวงตาหรือสมอง การรีบไปพบแพทย์ในทันทีสามารถป้องกันไม่ให้เกิดผลเสียหายที่รุนแรง และอาจช่วยชีวิตของคุณได้ แม้ว่าการมองเห็นของคุณจะกลับมาดีขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่มันก็อาจยังเป็นสัญญาณเตือนของโรคหลอดเลือดสมอง หรือการปวดศีรษะแบบไมเกรนในระยะเริ่มต้น
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
2.ตาโปน
การเป็นโรคเกรฟส์สามารถทำให้ตาโปน ซึ่งมีต้นเหตุมาจากการที่ต่อมไทรอยด์ผลิตฮอร์โมนออกมามากเกินไป และสามารถนำไปสู่การเกิดปัญหา นอกจากนี้มันอาจทำให้ผู้ป่วยท้องร่วง น้ำหนักลด และมือสั่น ทั้งนี้การทานยา หรือผ่าตัดสามารถช่วยควบคุมปริมาณของฮอร์โมนที่ต่อมไทรอยด์ผลิตได้ แต่มันไม่สามารถรักษาโรคประจำตัว และอาจไม่ได้ช่วยให้ดวงตากลับมาเป็นปกติ
3.ตามัว
การมีดวงตาที่พร่ามัวอาจเป็นสัญญาณของโรคเบาหวาน ซึ่งเกิดจากการที่เลือดมีน้ำตาลมากเกินไป หากไม่ได้รับการควบคุม มันก็อาจทำให้เกิดภาวะเบาหวานขึ้นจอตา ซึ่งผู้ป่วยจะพบว่าตัวเองมีดวงตาที่เบลอ และมองเห็นไม่ชัดในตอนกลางคืน ทั้งนี้แพทย์สามารถใช้เลเซอร์เพื่อปิดเส้นเลือดที่รั่วซึมที่จอประสาทตา และกำจัดเส้นเลือดใหม่ที่ไม่ต้องการ การทำเช่นนี้อาจส่งผลต่อการมองด้านข้าง แต่มันสามารถช่วยรักษาการมองเห็นตรงกลางได้
4.มีวงแหวนรอบกระจกตา
การมีวงแหวนรอบกระจกตา หรือที่เรียกว่า Corneal Arcus ทำให้มีไขมันสะสมที่รอบนอกมุมของกระจกตา โดยมีลักษณะเป็นเส้นสีขาวออกเทา ในบางครั้งการสะสมดังกล่าวจะทำให้เกิดรูปทรงวงแหวนอย่างสมบูรณ์ หากคุณมีอายุมากแล้ว มันก็อาจไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวล แต่หากคุณมีอายุต่ำกว่า 40 ปี มันอาจเป็นสัญญาณของการมีคอเลสเตอรอลสูงเกินไป
5.หนังตาตก
การมีหนังตาตกอาจเป็นอาการของโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ซึ่งมันสามารถส่งผลต่อดวงตา ใบหน้า และกล้ามเนื้อคอมากกว่าอวัยวะอื่นๆ และสามารถทำให้ยากต่อการเคี้ยว กลืน หรือพูด สำหรับการรักษานั้นก็มีทั้งในรูปแบบของการทานยา และในบางกรณีแพทย์อาจจำเป็นต้องใช้วิธีผ่าตัดต่อมไทมัส
6.ตาเหลือง
เมื่อผิวและดวงตาของคุณเป็นสีเหลือง มันก็อาจเป็นสัญญาณของโรคดีซ่าน ซึ่งมักเกิดจากการที่ตับมีปัญหา และเกิดจากการที่ร่างกายมีระดับของบิลิรูบินสูง ในบางครั้งตับจะผลิตสารชนิดนี้มากขึ้นเมื่อเกิดการอักเสบหรือได้รับความเสียหาย ทั้งนี้การทานอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ โรคมะเร็ง การติดเชื้อ หรือการติดแอลกอฮอล์แบบเรื้อรัง ล้วนแต่ทำร้ายตับ สำหรับวิธีรักษานั้นก็เป็นได้ตั้งแต่การปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ไปจนถึงการให้ยาหรือการปลูกถ่ายตับ
7.ตากระตุก
การมีอาการตากระตุกสามารถพบได้ทั่วไป และมักไม่ทำให้เกิดอันตราย ซึ่งอาการดังกล่าวจะหายไปเอง ทั้งนี้อาการตากระตุกสามารถเชื่อมโยงกับแอลกอฮอล์ ความอ่อนล้า คาเฟอีน หรือการสูบบุหรี่ ในกรณีที่หายากมาก อาการดังกล่าวสามารถเป็นสัญญาณเตือนว่าระบบประสาทมีปัญหา อย่างการเป็นโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง แต่หากอาการตากระตุกเชื่อมโยงกับโรคนี้ หรือปัญหาที่เกี่ยวกับระบบประสาท คุณก็จะมีอาการอื่นๆ เกิดขึ้นร่วมด้วย เช่น เดิน พูด หรือไปเข้าห้องน้ำได้ยากลำบาก
8.ตาบอดกลางคืน
หากคุณมองเห็นบริเวณที่มีแสงน้อยได้ยากลำบาก คุณอาจต้องไปตัดแว่นใหม่ หรือไม่ก็คุณอาจเป็นโรคต้อกระจก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความชราภาพ แต่ทั้งนี้อาการตาบอดตอนกลางคืนกลับเป็นเรื่องไม่ปกติในคนวัยหนุ่มสาว ซึ่งอาจเกิดจากการได้รับวิตามินเอไม่เพียงพอ สำหรับวิธีรักษานั้นก็สามารทำได้โดยทานอาหารเสริม หรือทานอาหารที่มีวิตามินเอสูง เช่น มันหวาน ตับวัว ผักโขม แครอท ฟักทอง ฯลฯ
จากที่กล่าวไปจะเห็นได้ว่า ดวงตาของเราก็สามารถเกิดปัญหาได้ไม่ต่างจากอวัยวะอื่นๆ ดังนั้นเราจึงไม่ควรชะล่าใจ และควรหมั่นสังเกตความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับดวงตาอยู่เสมอ หากคุณรู้ตัวว่ามีอาการตามที่เรากล่าวไป คุณก็ควรไปพบแพทย์ค่ะ